เชื้อ “ฮิบ” ไม่ใช่ฮิปฮอป ที่ได้ยินได้ฟังแล้วจะต้องโยกตาม หรือแค่วางเฉย เพราะเชื้อฮิบที่ว่านั้นแสนอันตราย อาจก่อโรคในลูกน้อย ของบรรดาแม่ ๆ พ่อ ๆ ทั้ง หลาย ให้ไม่ตายก็พิการ
ซึ่งเรื่องนี้ ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ หัวหน้าสาขาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า “ฮิบ” เป็นเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า “ฮีโมฟีลุส อินฟลูเอนเซ ทัยป์บี”
เชื้อตัวนี้พบในลำคอมนุษย์โดยเฉพาะในเด็ก รอฉวยโอกาสในวันที่ร่างกายอ่อนแอเข้าไปก่อโรคร้ายแรงหลายประเภท ที่พบมากคือ 1. ปอดอักเสบ 2. เยื่อหุ้มสมองอักเสบ 3. ติดเชื้อ ในกระแสเลือด ซึ่ง 2 อย่างหลังนั้นรุนแรงที่สุดเพราะทำให้เสียชีวิตได้ หรือพิการได้ โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ
“จากการศึกษาเมื่อ 20 ปี ก่อนที่จังหวัดลำปางและพิษณุโลก ดูเรื่องการติดเชื้อในกระแสเลือด และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ พบว่าอัตราการเกิดในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ต่ำกว่า5 ต่อแสนประชากร ขณะนั้นตรวจโดยวิธีเพาะเชื้อ แต่หากตรวจด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัยในปัจจุบัน น่าจะพบได้มากกว่านี้มาก ประเทศไทยพบโรคนี้น้อยกว่าประเทศในแถบยุโรป อเมริกา แต่ก็มีให้พบได้ และข้อสำคัญคือ มักเป็นในเด็กเล็กและมีความ รุนแรงมาก”
ศ.พญ.กุลกัญญา ระบุว่า แม้ว่ามีอัตราการเกิดโรคในประเทศไทยจะดูน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ แต่ขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่าความรุนแรงของโรคไม่ได้แตกต่างกัน โอกาสรอดหรือตายขึ้นอยู่กับการรักษา มาพบแพทย์เร็วไหม ในรายที่รอด ก็มีอัตราพิการทางสมองสูง ไม่ว่าจะเป็น ชัก ปัญญาอ่อน นอนติดเตียง เรียกว่า ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน และเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่กระทรวงสาธารณสุขของไทยกำลังดำเนินการบรรจุวัคซีนดังกล่าวเข้าสู่แผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ในรูปแบบของวัคซีนรวม 5 โรค ได้แก่ โรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ไวรัสตับอักเสบบี และโรคติดเชื้อฮิบ คาดภายในปี 2562 ได้ฉีดแน่ ๆ 3 เข็มฟรี ตั้งแต่อายุ 2 เดือนเลยทีเดียว เอาอยู่ทั้ง 5 โรคสำคัญ
ทั้งนี้หากเปรียบเป็นสังเวียนการต่อสู้ การที่มีวัคซีนป้องกันโรค ก็ทำให้มนุษย์ได้เปรียบในสังเวียนสุขภาพไปเกินครึ่ง ยิ่ง “วัคซีนฮิบ” ที่กำลังจะบรรจุนั้นผ่านการศึกษาวิจัยจนมั่นใจในเรื่องคุณภาพ มาตรฐานแล้วโดยพบว่า สามารถป้องกันการเกิดโรคที่เกิดจากเชื้อดังกล่าวได้มากถึง 99%
เพราะฉะนั้น การพาบุตรหลานไปรับวัคซีนดังกล่าวจึงถือว่ามีความคุ้มค่าในทุก ๆ ด้าน ดีกว่าปล่อยลูกหลานให้อยู่กับความเสี่ยงของการเกิดโรคที่แม้รักษาได้ แต่โอกาสพิการก็ยังสูง ขอให้นึกถึงคำ ๆ นี้กันเอาไว้ คือ “กันไว้ดีกว่าแก้” ตอนนี้ของฟรียังไม่มา คุณพ่อคุณแม่ ต้องควักกระเป๋าไปก่อน ถือว่าซื้อเป็นของขวัญให้ลูกตัวน้อย คุ้มกว่าเอาไปใช้อย่างอื่นเป็นไหน ๆ.
----------------------------
อภิวรรณ เสาเวียง.
https://www.dailynews.co.th/article/625186