กระทรวงสาธารณสุข เผย สมองเด็กไทย รอไม่ไหวแล้ว ผลสำรวจชี้ ภาวะขาดสารไอโอดีนส่งผลให้สมองของเด็กไทยถูกทำลาย ทำให้ระดับสติปัญญาและการเรียนรู้ลดลงอย่างชัดเจน กรมสุขภาพจิตเร่งสำรวจไอคิวเด็กไทยโดยใช้แบบทดสอบ ตามมาตรฐานสากล SPM Pararell เป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศและของโลก เพื่อนำผลมาใช้เป็นแนวทางการเสริมไอโอดีนในระดับพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาไอคิวได้อย่างยั่งยืน
สมองเด็กไทย
รอไม่ไหวแล้วว่า สถานการณ์ไอคิวเด็กไทยในปัจจุบันมีความน่าเป็นห่วงโดยพบว่าเด็กไทยมีไอคิวเฉลี่ยอยู่ที่ 91 จุด ขณะที่ไอคิวตามมาตรฐานสากลอยู่ที่ 90-110 จุด สาเหตุสำคัญประการหนึ่งมาจากการขาดสารไอโอดีน ปัญหานี้ส่งผลทำให้เด็กไทยมีพัฒนาการด้านสมองลดลง ฉลาดน้อยลง เพราะไอโอดีน มีส่วนสำคัญในการสร้างไทรอยด์ฮอร์โมน ที่ช่วยสร้างเซลล์สมอง ใยสมอง และเชาว์ปัญญา ปัญหาการขาดสารไอโอดีนของเด็กไทยจึงเป็นปัญหาระดับชาติที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วน
เพิ่มไอโอดีน เพิ่มไอคิวมีความเข้มข้นอย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจนจึงได้มอบนโยบายให้กรมสุขภาพจิตดำเนินการสำรวจไอคิวของเด็กไทยทั่วประเทศโดยนักจิตวิทยา ด้วยการใช้แบบประเมินไอคิวตามมาตรฐานโลกที่เรียกว่า SPM Pararell (Standard Progressive Matrices) ซึ่งเป็นการวัดความสามารถทางสติปัญญาและความสัมพันธ์ของรูปแบบและการใช้เหตุผลเชิงสอดคล้อง โดยกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้เป็นตัวแทนของเด็กไทยในการสำรวจครั้งนี้เป็นเด็กนักเรียนจากทั่วประเทศตั้งแต่ระดับชั้นป.1-ม.6 ประมาณ 100,000 ตัวอย่าง ซึ่งถือว่าครั้งนี้เป็นการสำรวจไอคิวครั้งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยและใหญ่ที่สุดในโลกตามวิธีมาตรฐานสากล และถัดจากนี้ไปประมาณ 1 เดือน ก็จะทราบผลว่าเด็กไทยมีค่าเฉลี่ยไอคิวทั้งในระดับภาคและระดับจังหวัดเป็นอย่างไร โดยข้อมูลที่ได้จากการทำสำรวจจะนำมาใช้เป็นฐานในการพัฒนาไอคิวของคนไทยในอนาคต ซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการและมีการชี้วัดภายใน 5 ปี มาตรการเพิ่มไอโอดีน เพิ่มไอคิวจึงถือเป็นปรากฎการณ์ที่ชัดเจนของกระทรวงสาธารณสุขและของประเทศไทยในการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ โดยใช้ทรัพยากรบุคคลเป็นฐานของการพัฒนา
เพิ่มไอโอดีน เพิ่มไอคิวโดยกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่การบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้ผู้ประกอบการกลุ่มผู้ผลิต น้ำปลา ซีอิ้ว ซอสปรุงรส บะหมี่ และ ไข่ไก่ รวมไปจนถึงขนมกรุบกรอบ มีการเติมสารไอโอดีน หากพ้นเวลาที่กำหนดแล้วยังไม่มีการปรับปรุงจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย รวมทั้งการส่งเสริมให้กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่ไปฝากครรภ์ในโรงพยาบาลของรัฐได้รับการแจกยาเม็ดเสริมสารไอโอดีนฟรี ทั่วประเทศซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 8 แสน ถึง 1 ล้านคน กลุ่มเด็กแรกเกิดทุกคน จะต้องเจาะส้นเท้าตรวจเลือดทุกคนเพื่อวัดระดับไทรอยด์ฮอร์โมน เนื่องจากไทรอยด์ฮอร์โมน มีผลต่อความเฉลียวฉลาดและการเจริญเติบโตของเด็ก หากพบว่ามีไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ ให้รีบรักษาทันที รวมทั้งการแจกหนังสือคู่มือเสริมเชาว์ปัญญา(ไอคิว)เพื่อการเติบโตสมวัยให้กับประชาชนทั่วไปฟรี
10-15 จุด สำหรับเด็กไทยที่ขาดสารไอโอดีนจะมีผลทำให้การเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสมองของเด็กลดลง ระดับสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดลดลง ทำให้เด็กไม่มีประสิทธิภาพในการเรียนรู้ ที่ผ่านมาประเทศไทยได้มีการสำรวจไอคิวในหลายครั้งโดยการใช้เครื่องมือที่แตกต่างกันทำให้ข้อมูลที่ได้ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ สำหรับการสำรวจในครั้งนี้กรมสุขภาพจิตจะเร่งดำเนินการตั้งแต่วันที่ 13-24 ธันวาคม 2553 นี้ โดยจะนำแบบทดสอบ SPM Pararell มาทดสอบกับกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งจะใช้เวลา 40 นาทีต่อเด็ก 1 คน ผลที่ได้จากการสำรวจในครั้งนี้ นอกจากจะทำให้ทราบค่าเฉลี่ยไอคิวของคนไทยทั้งในระดับภาคและระดับจังหวัดแล้วจะนำมาใช้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาตามความเป็นจริงว่าในแต่ละภาคแต่ละจังหวัดจะต้องมีการเสริมในเรื่องของไอโอดีนมากน้อยเพียงใด โดยจะนำองค์ความรู้ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขมาบูรณาการเข้าด้วยกันเพื่อให้มีความเข้มแข็งในการแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืน