โรคติดการพนัน

โดย ศูนย์ข้อมูลวิชาการ จากเดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน 2555
 
การพนันขันต่อแม้จะเป็นสิ่งไม่ดี แต่ก็มีคนจำนวนมากไปข้องแวะกับมัน เพราะอยากได้เงินแบบง่าย ๆ ไม่ต้องเปลืองแรง บางคนติดงอมแงม ถึงขั้นถอนตัวไม่ขึ้น จนกลายเป็น “โรคติดการพนัน” ไปเลย

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคติดการพนัน เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยจะไม่สามารถต่อต้านแรงกระตุ้นหรือความอยากของตนเอง จะหมกมุ่นเหมือนกับผู้ป่วยย้ำคิดย้ำทำ หรือผู้ป่วยติดสุราหรือสารเสพติด ผู้ที่ติดการพนันจะควบคุมแรงกระตุ้นที่อยากจะเล่นการพนันไม่ได้ จนส่งผลเสียต่อชีวิตในด้านต่าง ๆ โรคติดการพนันอาจเกิดร่วมกับการเจ็บป่วยทางจิตอื่น ๆ เช่น ภาวะซึมเศร้า โรคอารมณ์ 2 ขั้ว หรือติดการพนันแล้วมีภาวะซึมเศร้า ติดเหล้า ติดยาเสพติด

สาเหตุเกิดจาก 1. พันธุกรรม จากการศึกษา พบว่าผู้ป่วยที่ติดการพนันมักมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมร่วมด้วย 2. สังคม สิ่งแวดล้อม ผู้ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นให้เล่นการพนัน เช่น บ้านเป็นบ่อนการพนันหรืออยู่ในย่านชุมชน เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนฝูงเล่นการพนันมักจะถูกสิ่งแวดล้อมดังกล่าวชักจูงได้ง่ายขึ้น 3. สิ่งยั่วยุ ทั้งจากสื่อมวลชน เช่น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ นิตยสารเฉพาะกลุ่มกีฬาที่มีการวิเคราะห์เกมการเล่นของแต่ละทีม หรือชี้นำผลการแข่งขันมีส่วนยั่วยุให้คนที่มีแนวโน้มจะเล่นการพนันอยู่แล้วถูกกระตุ้นให้เล่นการพนัน และผู้ที่เล่นอยู่แล้วเล่นในปริมาณที่มากขึ้น และ 4. ระบบสารเคมีในสมองผิดปกติ เกิดการหลั่ง “สารโดปามีน” ในสมองมาก ซึ่งเป็นสารที่ทำให้บุคคลรู้สึกตื่นเต้น เป็นสุข สนุกสนาน ขณะที่สารสื่อประสาทสมอง “ซีโรโทนิน” ลดลง ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้บุคคลมีความยับยั้งชั่งใจ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนติดการพนัน โดยสาเหตุทั้ง 4 ข้อนี้ มักจะเกิดควบคู่กัน

นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากข้อมูลการเสพติดทุกประเภทพบว่า ผู้ชายมากกว่าผู้หญิง คือ สมองผู้ชายต้องการสิ่งเร้า การกระแทกที่แรงกว่าผู้หญิง แล้วมันมีศูนย์ความก้าวร้าวใหญ่กว่า ส่วนผู้หญิงถ้าติดการพนันแล้วพบว่ามีสัดส่วนของคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าสูงกว่าผู้ชายที่ติดการพนัน แต่เชื่อว่านักพนันหญิงสามารถรักษาหรือช่วยเหลือได้ง่ายกว่านักพนันชาย เพราะผู้หญิงให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์คนรอบข้างมากกว่า ถูกกระตุกได้ง่ายกว่า

ถ้าเป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่น พ่อแม่มีส่วนช่วยป้องกันได้ ดังนี้

1. พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก การเล่นการพนัน เล่นหวย หรือการพูดคุยเรื่องพนันในบ้าน ล้วนเป็นการสอนลูกทางอ้อม ต้องตระหนักว่าสิ่งที่พ่อแม่ทำนั้นลูกกำลังเรียนรู้อยู่

2. พ่อแม่ต้องสอนลูกให้มีแหล่งความสุขที่ดีและหลากหลาย ไม่ให้ติดอยู่กับการพนันเพียงเรื่องเดียว เพราะคนที่ติดการพนันจะติดความสุขจากความตื่นเต้นในการเล่น และการได้มา ดังนั้นควรทำกิจกรรม เล่นกีฬาง่าย ๆ เช่น ตีแบดมินตัน เดินเล่นในที่สาธารณะ ไปท่องเที่ยวตามธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งความสุขที่ทำให้เด็กเรียนรู้ว่าความสุขในชีวิตมีหลากหลาย ถ้าจะกว่านั้น คือ การไปช่วยเหลือคนอื่น ทำงานจิตอาสา จะทำให้ลูกไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ

3. พ่อแม่ต้องสอนให้ลูกมีวินัย รู้จักรับผิดชอบตัวเอง เก็บที่นอน ล้างจาน ช่วยทำงานบ้าน แม้แต่การกินขนมหวาน ความสามารถในการควบคุมตัวเองไม่ให้กินขนมหวาน ก็เป็นการฝึกง่าย ๆ เพื่อให้เด็กรู้ว่าเวลาที่อยากกิน ทำอย่างไรไม่ให้กินเกินปริมาณเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย

4. ถ้าลูกเข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนัน พ่อแม่ต้องแปลงสถานการณ์ดังกล่าวเป็นบทเรียนสอนลูก เช่น ซักถามว่าอยากได้อะไรจากการเล่นการพนัน ถ้าลูกบอกว่าอยากได้เงิน อยากได้ความสนุก อยากได้เพื่อน เพราะเพื่อนอยู่กลุ่มเดียวกันไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร พ่อแม่สามารถพูดคุยเพื่อจะได้รู้ว่าลูกคิดอย่างไรต่อ ทำให้เขาเห็นธรรมชาติชีวิต ทั้ง 4 ข้อนี้เชื่อว่าจะเป็นการช่วยลูกวัยรุ่น

กรณีที่โตเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน ปัญหา คือ คนรู้จัก คู่รัก จะช่วยได้อย่างไร ถ้าใช้หลักการเดียวกับวัยรุ่น ตัวที่พอจะประยุกต์ใช้ได้ คือ การทำให้มีแหล่งความสุขที่ดีและหลากหลาย ชักชวนให้มีจุดหมายกว้างไกลไปกว่าตัวเอง เพราะเราพบว่าคนที่ไปช่วยเหลือคนอื่น หรือมีความเชื่อทางศาสนา พวกนี้เป็นเกราะป้องกันสารพัดปัญหาสุขภาพจิต ดังนั้นข้อแรก คือ ต้องมีแหล่งความสุขที่ดี มีจุดหมายในชีวิตที่ดี นอกจากนี้คนรู้จัก คู่รัก ควรมีการกระตุ้นเตือน ซึ่งจะยากกว่าการที่พ่อแม่คุยกับลูก เพราะถ้าชวนให้เขามาทบทวนตัวเอง มันเหมือนถูกตรวจสอบ ดังนั้นก็ทำเท่าที่จะทำได้

สิ่งที่คนเล่นการพนันควรทำด้วยตัวเอง คือ ทบทวนว่ามันมีผลกระทบอะไรเกิดขึ้นจากการเล่นการพนัน ทั้งข้อดีข้อเสีย จะทำให้เห็นถึงผลกระทบและจะนำมาสู่การตระหนักที่จะเปลี่ยนแปลง ตรงนี้เป็นขั้นตอนสำคัญ ถ้าทำสำเร็จ เห็นปัญหา เขาจะเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลีกเลี่ยงการพนันได้ ถ้าเขาไม่ยอมรับปัญหา ในฐานะคนใกล้ตัวเราต้องหาทางหนีทีไล่ เช่น ถ้าเป็นภรรยา สามีไปเล่นการพนันจนติด ก็ต้องคิดแล้วว่าหนี้ที่สามีไปก่อมันผูกพันตัวเราหรือไม่ ทางกฎหมายว่าอย่างไร ถ้าเขาเริ่มเอาเงินในบ้านไปเล่นการพนัน จะตกลงกันอย่างไร เพราะมีหลายกรณีที่สามีภรรยาไม่สามารถควบคุมตรงนี้ได้ทำให้ทรัพย์สิน มรดกหายไปหมด ดังนั้นต้องเบรกตั้งแต่ต้นและชิ่งออกมา แต่ก่อนจะถึงตรงนี้ควรชวนไปรักษาก่อน ตั้งเงื่อนไขว่าไม่เช่นนั้นฉันอยู่กับเธอไม่ได้ เป็นวิธีการบังคับอย่างหนึ่ง

คนที่เป็นโรคติดการพนัน สามารถรักษาตัวเองได้ ถ้าไม่ติดรุนแรง แต่ถ้าติดรุนแรงจะต้องประเมินด้วยว่ามีอาการเจ็บป่วยทางจิตใจแทรกซ้อนหรือไม่ เช่น ซึมเศร้า คิดฆ่าตัวตาย เป็นโรคทางจิตเวชบางชนิด คนที่เล่นการพนันทุกวัน ถึงขั้นหมกมุ่น แสดงว่าชีวิตเขาไม่มีอะไรอื่นในหัวเลยนอกจากการพนัน เหมือนพวกติดยา ต้องได้รับการรักษาด้วยพฤติกรรมบำบัดและยา ขณะเดียวกันต้องได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างเป็นอย่างมาก แต่ปัญหาคือ การรักษาซับซ้อนกว่าเรื่องยาเสพติดธรรมดา

คนที่เป็นโรคติดการพนันมารักษาน้อย คือ เขามีปัญหาแต่ไม่ยอมมาหาเรา และเราไปบังคับเขาก็ไม่ได้ เขาจะมาก็ต่อเมื่อคนใกล้ตัวบอก หรือมีโรคแทรกทางจิตเวช ยอมรับว่าตัวเองป่วย

หลักง่าย ๆ ที่จะเลี่ยงการพนัน คือ ก็ต้องรู้ว่าสิ่งเร้ารอบตัวแบบไหนที่ทำให้เราคิดถึงการเล่นและกระโดดเข้าไปเล่น ความรู้สึกข้างในแบบไหนที่ทำให้เราอยากเล่น และมีวิธีจัดการสิ่งกระตุ้นภายนอกออกจากสิ่งกระตุ้นภายในใจตัวเอง มีวิธีการใช้เวลากับแหล่งความสุขทำกิจกรรมทดแทน เตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา ฝึกควบคุมความอยากของตัวเอง รู้วิธีพูดกับตัวเอง

เล่นหวยทุกงวดอยู่ในข่ายเป็นโรคติดการพนันหรือไม่? นพ.ประเวช กล่าวว่า ติดหรือไม่ติดมันอยู่ที่การเพิ่มปริมาณการซื้อ สมมุติว่ามีรายได้ 2 หมื่นบาท เอาเงินสัก 100 บาทไปเล่นหวยต่องวด ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่ว่าอะไร แบบนี้คงไม่ใช่การติด แต่ถ้าไปกู้เงินแล้วเอาไปทุ่มซื้อเพราะคิดว่าเป็นเลขเด็ด เริ่มทำสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลเกินตัวแบบนี้เรียกว่าติด.
นวพรรษ บุญชาญ

 


  View : 33.97K


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง


 วันนี้ 0
 เมื่อวาน 13
 สัปดาห์นี้ 62
 สัปดาห์ก่อน 97
 เดือนนี้ 345
 เดือนก่อน 536
 จำนวนผู้เข้าชม 476,781
  Your IP : 3.149.234.230