การดูดนิ้ว (Thumb-sucking)
โดย พญ.จอมสุรางค์ โพธิสัตย์
การดูดนิ้ว เป็นพฤติกรรมที่พบได้ตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์มารดาเมื่อมีอายุครรภ์ 18 สัปดาห์ วัยทารก ก่อนวัยเรียน และอาจมีต่อเนื่องจนถึงวัยเรียน ส่วนใหญ่หลังอายุ 2 – 4 ปี เด็กมักจะค่อย ๆ เลิกดูดนิ้วไปเอง แต่บางคนอาจดูดนิ้วต่อไปอีกระยะหนึ่งซึ่งมักจะดูดเฉพาะก่อนนอนไปจนอายุ 5 – 6 ปี เด็กอายุน้อยกว่า 4 ปี ไม่จำเป็นต้องรักษาหากไม่มีผลกระทบในด้านต่างๆ เพราะเด็กสามารถพัฒนาการควบคุมตนเองได้และเลิกดูดนิ้วไปได้ในที่สุด การดูดนิ้วจะเป็นปัญหาก็ต่อเมื่อทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพกาย พัฒนาการ ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและความนับถือตนเอง ( Self – esteem ) ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม
ระบาดวิทยา
• ร้อยละ 80 ของเด็กทารกมีพฤติกรรมการดูดนิ้ว
• เด็กก่อนวัยเรียนพบร้อยละ 30 – 45
• เด็กอายุมากกว่า 5 ขวบ มีพฤติกรรมดูดนิ้วร้อยละ 5 – 20
• พบบ่อย : เด็กหญิง > เด็กชาย , สถานะทางเศรษฐกิจสังคมระดับสูง
• ร้อยละ 30 – 55 ของเด็กที่ดูดนิ้วจะติดของบางอย่าง ( attachment object ) ร่วมด้วย เช่น ผ้าห่ม ตุ๊กตา เล่นผมตัวเอง
สาเหตุ
1.พฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้ ( Learned habit / behavior ) เด็กวัยทารกอายุประมาณ 4 -6 สัปดาห์เอามือเข้าปากโดยบังเอิญแล้วเรียนรู้ว่าการดูดนิ้วจึงทำให้เกิดความสุข ความพอใจ ความเพลิดเพลิน ( Gratification ) จึงทำให้พฤติกรรมดังกล่าวอีก
2.เด็กจะดูดนิ้วเพื่อเป็นการกระตุ้นตนเอง ( Self – stimulation ) เมื่อรู้สึกเบื่อ อยู่คนเดียว ถูกทอดทิ้ง หรือไม่ได้รับการกระตุ้นอย่างเหมาะสมจากผู้เลี้ยงดู
3. เด็กดูดนิ้วเพื่อเป็นการปลอบตนเอง ( Self – soothing ) เมื่อไม่สุขสบายกาย เช่น หิว ง่วง หรือป่วย เมื่อไม่สบายใจหรือมีความเครียด ความกังวล เช่นการเข้าโรงเรียน การย้ายที่อยู่ การมีน้อง
ผลกระทบ
1.ปัญหาเกี่ยวกับช่องปากและฟัน ที่พบได้มากที่สุด เช่นการสบของฟัน การบาดเจ็บของเยื่อบุช่องปาก รูปหน้าผิดปกติ
2.ปัญหาเกี่ยวกับนิ้วมือและเล็บ เช่น การติดเชื้อ นิ้วผิดรูป
3.ปัญหาด้านจิตใจ ได้แก่ ปัญหาความสัมพันธ์โดนเพื่อนล้อ โดนพ่อแม่ตำหนิหรือลงโทษ
การช่วยเหลือ
เป้าหมาย : ป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางทันตกรรม และผลกระทบทางจิตสังคม ความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง( Self–Esteem )
1.ให้ความรู้ผู้ปกครอง : พฤติกรรมดังกล่าว เป็นพฤติกรรมปกติตามวัย และจะหายไปเมื่อโตขึ้น
2.ไม่ต้องสอน ไม่ต้องเตือน ไม่ดุ และไม่ทำโทษเรื่องการดูดนิ้ว
3.ไม่ให้ความสนใจเมื่อเด็กดูดนิ้ว เมื่อเด็กดูดนิ้วให้เบี่ยงเบนความสนใจไปสู่การทำกิจกรรมอื่นโดยเฉพาะกิจกรรมที่ต้องใช้มือ เช่น ช่วยถือของ ช่วยหยิบของ หรืออาจจะเป็นกิจกรรมขีด ๆ เขียน ๆ
4.ชื่นชมเมื่อเด็กไม่ดูดนิ้ว
5.อย่าปล่อยให้เด็กอยู่คนเดียว ควรหากิจกรรมให้เด็กทำ เมื่อเด็กสนุกและเพลิดเพลินแล้วเด็กก็จะลืมเรื่องการดูดนิ้วไป ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้นอกจากจะช่วยลดพฤติกรรมดูดนิ้วแล้วยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการได้อีกด้วย กิจกรรมที่ให้เด็กทำได้แก่ กิจกรรมการเคลื่อนไหว/ออกกำลังกาย การวาดรูป ระบายสี ปั้นดินน้ำมัน การพูดคุย การเล่านิทาน การเล่น นอกจากนี้อาจชวนเด็กมาช่วยงานง่าย ๆ แล้วให้คำชมเป็นรางวัลซึ่งนอกจากจะเป็นการส่งเสริมพัฒนาการและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแม่และเด็กแล้วยังช่วยสร้างเสริมความภาคภูมิใจในตัวเองอีกด้วย
6.ถ้าการดูดนิ้วเกิดมากขึ้นให้หาสาเหตุว่าเกิดจากความไม่สุขกายหรือสบายใจอะไร โดยเฉพาะความไม่สบายใจจากการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น การเข้าโรงเรียน ย้ายบ้าน มีน้อง ก็ต้องให้การประคับประคองจิตใจเด็กเพื่อให้ปรับตัวได้
7.ถ้าเด็กอายุมากกว่า 4 – 5 ขวบ แล้วยังดูดนิ้วอยู่และมีความถี่ในการดูดนิ้วมาก รวมถึงได้รับผลกระทบทางจิตใจเช่น โดนล้อเลียน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
เอกสารอ้างอิง
1.วิรงรอง อรัญนารถ. ปัญหาพฤติกรรมที่พบบ่อยในเด็กแรกเกิดถึง 3 ปี Common Behavioral Problems in Young Children. .ใน: ทิพวรรณ หรรษคุณาชัย, รวิวรรณ รุ่งไพรวัลย์, สุรีย์ลักษณ์ สุจริตพงศ์, วีระศักดิ์ ชลไชยะ, บรรณาธิการ. ตำราพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก เล่ม 3 การดูแลเด็กสุขภาพดี. กรุงเทพ ฯ : บียอนด์ เอ็นเทอร์ไพรซ์; 2556 หน้า 224 – 25.
2.อัมพล สูอำพัน. ปัญหาพฤติกรรมที่ทำซ้ำ ๆ จนเป็นนิสัย ( Habitual Problems ). ใน:วัณเพ็ญ บุญประกอบ, อัมพล สูอำพัน, นงพะงา ลิ้มสุวรรณ, บรรณาธิการ. จิตเวชเด็กสำหรับกุมารแพทย์ Child Psychiatry for Pediatricians ( ฉบับปรับปรุง ) . กรุงเทพ ฯ : ชวนพิมพ์ ; 2538 หน้า 170 – 78.
3.Blenner S. Thumb sucking.In:Parker S,Zuckerman B,Augustyn M, editors.Handbook for Developmental and behavioral pediatrics for primary care , 2 nd ed.Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins; p.348-9
.......................................................