กรมสุขภาพจิต พบเด็กวัยรุ่นติดเกม-ป่วยทางจิตเวชเพิ่มสูงขึ้น 1.5 เท่าในรอบ 3 ปี แนวโน้มอายุน้อยลง เตือนพ่อแม่เฝ้าระวัง ลูกหลานเสพติดเกมประเภท“โมบ้า”ย้ำชัดไม่ใช่กีฬาทางสมอง หวั่นสมองติดเกม เลิกยาก

กรมสุขภาพจิต เผยปัญหาพฤติกรรมเสพติดเกมทวีความรุนแรงขึ้น เพียง 3 เดือนแรกปีนี้พบเด็กและวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 16 ปีเสพติดเกมและป่วยทางจิตเวชร่วมอาทิ สมาธิสั้น โรคดื้อต่อต้าน ซึมเศร้า จำนวน 53 คน เพิ่มสูงขึ้น 1.5 เท่าตัวในรอบ 3 ปี ร้อยละ 96 เป็นชาย อายุน้อยสุดเพียง 5 ขวบ ที่น่าห่วงมากขณะนี้และขอย้ำเตือนให้พ่อแม่เฝ้าระวังลูกหลานคือเกมต่อสู้ออนไลน์ประเภทเกมโมบ้า ที่เล่นกันเป็นทีม กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นและเยาวชนทั่วโลก และทำให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นกีฬาทางสมอง ชี้ข้อเท็จจริงมีอันตรายทำให้สมองติดเกม เป็นพฤติกรรมเสพติดที่เลิกยาก กำลังกลายเป็นสาเหตุหลักทำให้เด็กติดเกม เร่งพัฒนารูปแบบบำบัดรักษาวัยรุ่นติดเกมหรือมีความเสี่ยงติดเกมแนวใหม่ ฝึกควบคุมพฤติกรรมตนเอง และเปิดแอพพลิเคชั่นชื่อ ค้นพบความสุขกับลูกวัยรุ่น เพื่อเสริมระบบความเข้มแข็งครอบครัว

“เรื่องที่น่ากังวล ขณะนี้ประชาชนไทยยังเข้าใจผิดคิดว่า เกมบนสมาร์ทโฟน เกมออนไลน์ การแข่งขันเกมต่อสู้ออนไลน์ คือของเล่นของเด็กทุกวัย และที่น่าวิตกยิ่งไปกว่านั้น ยังเข้าใจผิดว่าการแข่งขันเกมต่อสู้ออนไลน์ที่รู้จักกันว่าโมบ้า ( Multiple Online Battle Arena : MOBA ) ซึ่งเป็นเกมที่มีลักษณะจำลองการต่อสู้เสมือนจริงของทั้ง 2 ฝ่ายที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นและเยาวชนทั่วโลก เล่นกันเป็นทีม ผู้เล่นสามารถควบคุมตัวละครฮีโร่ของตัวเอง พูดคุยสื่อสารกับผู้เล่นอื่น และหลายคนยังเข้าใจผิดว่าเกมชนิดนี้เป็นกีฬาทางสมองหรือที่เรียกว่าอี-สปอร์ต( E-Sports) ซึ่งแท้จริงแล้วเกมโมบ้านี้มีอันตรายต่อสมองที่บริเวณสมองส่วนหน้าของเด็กและวัยรุ่นซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ สมาธิ ความจำ และการตัดสินใจด้วยเหตุผล ซึ่งมีผลต่อการควบคุมความคิด อารมณ์และพฤติกรรมโดยตรง สมองส่วนนี้จะทำงานลดลง ในขณะที่สมองส่วนอยากหรือที่เรียกว่าระบบลิมบิก จะทำงานเพิ่มขึ้นเมื่อได้รับการกระตุ้นด้วยความอยากความสนุกตื่นเต้นความท้าทายจากการต่อสู้และการได้คะแนนหรือชัยชนะในเกมบ่อยๆซ้ำๆต่อเนื่องนานๆ จะนำไปสู่วงจรสมองติดเกมในที่สุด เป็นการเสพติดทางพฤติกรรมจนเกิดความเคยชิน จึงเลิกยากมาก ซึ่งขณะนี้จิตแพทย์พบว่าเกมชนิดนี้กำลังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กติดเกมมากจนต้องเข้ารับการบำบัด ”อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว

อาการที่แสดงว่าเด็กกำลังเกิดปัญหาติดเกมที่ผู้ปกครองต้องพาไปพบจิตแพทย์โดยด่วน ได้แก่ เด็กใช้เวลาหมกมุ่นอย่างมากกับการเล่นเกม อินเตอร์เน็ต จนเกิดการกระหายโอกาสในการเข้าถึง เด็กใช้เวลาเล่นนานกว่า 2 ชั่วโมงและมีอาการถอนคือ อาการหงุดหงิด กระวนกระวาย อาละวาดเมื่อบอกให้หยุดเล่นเกม เด็กอาจมีอาการแตกต่างกันเช่นบางคนแค่หงุดหงิด บางคนรุนแรงทำลายข้าวของ ทำร้ายพ่อแม่ ทำร้ายตัวเอง ขาดสมาธิการเรียน โดดเรียน ไม่ยอมไปโรงเรียน บางคนอดนอน ขโมยเงิน ท้อแท้สิ้นหวังในโลกความเป็นจริง” แพทย์หญิงมธุรดา กล่าว
สำหรับการบำบัดรักษาเด็กที่ติดเกม ในปัจจุบันจะใช้ยาทางจิตเวชรักษาร่วมกับการทำจิตบำบัดรายบุคคล กลุ่มบำบัดและครอบครัวบำบัด เพื่อปรับพฤติกรรมอารมณ์และความคิด แต่ละรายใช้เวลารักษาไม่ต่ำกว่า 2 ปี ขณะนี้สถาบันฯได้พัฒนาระบบบริการรักษาที่เป็นมิตรกับวัยรุ่น โดยพัฒนาโปรแกรมบำบัดชนิดใหม่ในรูปแบบกิจกรรมค่ายบำบัดครอบครัวที่มีเด็กติดเกม ( Family Smart Player Camp) ภายใต้แนวคิด ฉลาดเล่น รู้วินัย ฉลาดรัก รู้จักเลือก เป็นกิจกรรมการเรียนรู้และแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ใช้ทีมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น นักจิตวิทยา พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ดำเนินการ ใช้เวลา 3 วัน เพื่อให้วัยรุ่นตระหนักเข้าใจและเรียนรู้เกี่ยวกับปัญหาติดเกม พัฒนาความคิด การตัดสินใจ ความกล้าหาญ ความภาคภูมิใจ จัดไปแล้ว 1 รุ่น พบว่าได้ผลดี สถาบันฯจะทำการศึกษาติดตามประเมินผล เพื่อพัฒนาให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น นอกจากนี้สถาบันฯ ยังได้เปิดแอพพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า ค้นพบความสุขกับลูกวัยรุ่น เพิ่มช่องทางให้ความรู้แก่พ่อแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยรุ่นได้เข้าใจธรรมชาติวัยรุ่นมากขึ้น รู้วิธีพูดกับวัยรุ่นได้อย่างเข้าใจ ประชาชนสามารถดาวน์โหลดแอพฯนี้ฟรีในเพลย์สโตร์ ทั้งระบบไอโอเอสและแอนดรอยด์ ขณะนี้มีผู้ดาวน์โหลดแล้วกว่า 1,000 ครั้ง ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้ว่าเป็นแอพพลิเคชั่นที่เหมาะสำหรับการสื่อสารกับลูกในยุคดิจิตอล อย่างไรก็ดีหากพ่อแม่ต้องการขอรับคำปรึกษาการเลี้ยงลูกวัยรุ่น สามารถโทรที่สายด่วน 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมงได้เช่นกัน

 

  View : 5.35K


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง


 วันนี้ 98
 เมื่อวาน 1,346
 สัปดาห์นี้ 160
 สัปดาห์ก่อน 7,391
 เดือนนี้ 24,095
 เดือนก่อน 57,053
 จำนวนผู้เข้าชม 873,263
  Your IP : 3.22.68.228