กรมสุขภาพจิตแนะครอบครัวยุคใหม่ที่เลี้ยงลูกบนคอนโดไม่ต้องกังวล ระบุแม้จะมีพื้นที่จำกัด แต่สามารถเลี้ยงลูกให้มีพัฒนาการดี แข็งแรง แจ่มใสและปลอดภัยได้เหมือนกัน โดยใช้ 6 วิธี อาทิพาลูกลงเล่นกลางแจ้งตอนเช้า เช่นเล่นเครื่องเล่นที่สนาม ฝึกลูกช่วยเหลือตัวเองตามวัย จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ในห้องเช่นวาดรูป พาเด็กไปในสถานที่สาธารณะฝึกลูกให้รู้จักสภาพชุมชนเตรียมสู่สังคมนอกบ้าน และควรตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆในบ้าน ให้แข็งแรงปลอดภัย
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ว่า สภาพการใช้ชีวิตประชาชนในปัจจุบันมีแนวโน้มนิยมใช้ตึกสูงหรือคอนโดมิเนียมเป็นที่พักอาศัยมากขึ้น ผลการสำมะโนประชากรและเคหะทั่วประเทศของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ล่าสุดในปี2553 มีครัวเรือนที่อาศัยในคอนโดมิเนียม แฟลต อพาร์ทเมนท์ร้อยละ 9.4 โดยเฉพาะในกทม. มีร้อยละ 32.3 การเลี้ยงเด็กในอาคารสูงสามารถเลี้ยงให้เติบโตอย่างมีคุณภาพได้ไม่ต่างจากเด็กที่เติบโตในบ้านทั่วไป พ่อแม่ไม่ต้องเป็นกังวลแต่อย่างใด โดยครอบครัวมีความสำคัญยิ่งต่อการเจริญเติบโตของลูกวัยเด็ก ต้องเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม พ่อแม่ให้ความรัก ความอบอุ่น ร่วมทำกิจกรรมต่างๆกับลูก บุคคลในครอบครัวมีการดำเนินชีวิตที่เป็นสุข มีการจัดเวลา จัดสถานที่ให้ลูกเคลื่อนไหว ออกกำลังกายและเล่นอย่างปลอดภัย
อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวว่า แนวทางการเลี้ยงลูกบนอาคารสูงให้มีพัฒนาการดี สุขภาพแข็งแรง อารมณ์แจ่มใส และปลอดภัย ข้อแนะนำให้ปฎิบัติ 6 ประการดังนี้ 1.จัดพื้นที่ที่ปลอดภัยให้เด็กได้เล่นกลางแจ้งในเวลาเช้า เช่น เล่นเครื่องเล่นสนาม เล่นกับอุปกรณ์กีฬา เพื่อให้เด็กได้วิ่งกระโดด บริหารร่างกาย ได้ปีนป่ายหรือเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เหมาะกับกำลังของเด็ก จะช่วยการเรียนรู้และพัฒนาด้านร่างกายพฤติกรรมอารมณ์สังคมและสติปัญญาไปพร้อมๆกัน 2. ฝึกลูกให้ช่วยเหลือตนเองตามวัยเช่นแต่งตัว อาบน้ำ เก็บที่นอน รับประทานอาหาร 3.ฝึกให้ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านง่ายๆ เช่น ให้อาหารสัตว์เลี้ยง 4. ควรจัดกิจกรรมส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ให้ลูกผ่านการปั้นขีดเขียนและระบายสี ทำให้ลูกเกิดความรู้สึกสนุกสนานผ่อนคลาย เพลิดเพลิน โดยไม่รบกวนผู้ใหญ่ 5. ควรฝึกลูกให้รู้จักสภาพชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่ พ่อแม่ควรนำเด็กไปในสถานที่สาธารณะต่างๆด้วย เช่น ตลาด ไปรษณีย์ ร้านค้า โรงพยาบาล เป็นต้น เพื่อเป็นการเตรียมเด็กไปสู่สังคมนอกบ้าน และเรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นที่อยู่รอบตัว 6.ควรตรวจสอบของเล่นรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆในบ้านให้แข็งแรง ปลอดภัยต่อการเล่นหรือปีนป่าย ประการสำคัญพ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องคอยดูแลใกล้ชิดเวลาเด็กเล่น เพื่อให้เด็กเล่นได้อย่างปลอดภัย เด็กจะมีสุขภาพที่แข็งแรง เติบโตสมวัย มีอารมณ์เบิกบานแจ่มใส จะทำให้ลูกเกิดการพัฒนาอย่างเต็มที่และดีที่สุดในทุกด้าน พร้อมจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไป
ทางด้านแพทย์หญิงกุสุมาวดี คำเกลี้ยง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น กล่าวว่าหลักการสำคัญในการเลี้ยงลูกให้มีคุณภาพครบถ้วนสมบูรณ์แบบทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ มีความฉลาดทางสติปัญญาและอารมณ์ พ่อแม่และผู้ปกครองต้องเข้าใจธรรมชาติตามวัยของลูก และตอบสนองอย่างถูกต้อง ถ้าลูกอยู่ในวัยเด็กตอนต้นหรือวัยอนุบาลอายุ 3 - 6 ปี เด็กวัยนี้สามารถบังคับการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ดี เดินได้คล่อง สามารถวิ่งและกระโดดได้ดี ซนไม่ค่อยอยู่นิ่ง ดื้อรั้นเอาแต่ใจ ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง อยากรู้อยากเห็น ชอบจินตนาการ ช่างสงสัย ชอบซักถาม เรียนรู้จากการสังเกตและการเลียนแบบ พ่อแม่ควรพูดคุยกับเขา อธิบายเมื่อเขาถาม อย่าเบื่อที่จะตอบคำถาม เนื่องจากเซลล์สมองของเด็กและระดับสติปัญญาจะพัฒนาได้ดีนั้น เด็กต้องมีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับประสบการณ์เดิม พ่อแม่ควรเปิดโลกทัศน์ของลูกโดยไม่จำกัดหรือปิดกั้นพัฒนาการเด็กด้วยคำว่า “ห้าม..” “อย่า…” “หยุด..”
ส่วนวัยเด็กตอนปลายหรือวัยประถมอายุ6-12 ปี วัยนี้เป็นวัยสนุกสนาน ชอบเล่นและทำกิจกรรมต่างๆ เริ่มเข้าใจและใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา รับรู้ระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม เริ่มเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น ต้องให้เด็กมีอิสระในความคิดและผู้ใหญ่รับฟังให้มากขึ้น แพทย์หญิงกุสุมาวดีกล่าว
******** 17 พฤษภาคม 2561