โดย ศูนย์ข้อมูลวิชาการ จากเดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2555
ความสุข ใคร ๆ ก็อยากมี แต่ด้วยวิถีชีวิตในแต่ละวัน หลายคนต้องเผชิญกับภาวะกดดัน และปัญหาต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดความเครียด ความทุกข์ แทบจะหา ความสุขไม่เจอ ถ้าอยากมีความสุขที่สร้างเองได้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข มีคำตอบ
นพ.เกียรติภูมิ บอกว่า ความสุขก็คือความสุข เป็นภาวะที่รู้สึกสบาย รู้สึกใน แง่บวก แนวคิดเรื่องความสุขมีหลายแบบ เช่น ความสุขจากการให้และความสุขจากการรับ ความสุขจากภายในและภายนอก ความสุขเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ ยกตัวอย่าง ความสุขจากการให้เป็นสิ่งที่สร้างได้ง่าย ถ้าเราอยากมีความสุขเมื่อไหร่ก็ให้คนอื่นเมื่อนั้น ไม่ว่าจะเป็นการให้เกียรติ ให้โอกาส ให้สิ่งของ แต่ถ้าเป็นความสุขจากการรับ อาจจะสร้างยาก เพราะต้องไปรอรับจากคนอื่น เช่น รอรับสิ่งของ รอรับคำเยินยอ รอรับคำชม ส่วนการสร้างความสุขจากภายใน เช่น การคิดบวก คิดให้สมดุล อย่าไปคิดด้านเดียวจนสุดกู่ สุดขั้ว จะทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ ควรมองโลกไปตามความเป็นจริง มองอย่างรอบด้าน
กรมสุขภาพจิตแบ่งความสุขออกเป็น 5 รูปแบบ คือ
1. สุขสนุก ถ้าอยากสุขจากสนุกก็ไปทำอะไรให้เกิดความสนุกสนาน เช่น การละเล่นต่าง ๆโยนโบว์ลิ่ง ร้องคาราโอเกะ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นความสุขระยะสั้น เกิดขึ้นเร็วและหายไปเร็ว อยู่ กับเรา1-2 ชม. หรือนานหน่อย ครึ่งวัน
2. สุขสบาย เกิดจากความสะดวกสบาย อยู่ในภาวะแวดล้อมที่ดี เหมาะสม ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป ได้พักผ่อนคลายเครียด แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน ประมาณครึ่งวัน
3. สุขสง่า เกิดจากทำอะไรประสบความสำเร็จ เช่น ทำงานสำเร็จ ช่วยคนอื่น อาจจะมีความสุขที่เกิดจากทางด้านศาสนาเข้ามา เช่น การเข้าวัดเข้าวา หรือการทำกิจกรรมทางศาสนา
4. สุขสงบ เป็นเรื่องวิธีคิด เช่น การคิดแง่บวก พอเพียง ลดความอยากของตัวเอง
5. สุขสว่าง คือ การที่ได้ทำประโยชน์ กับผู้อื่นในวงกว้าง เช่น การเป็นผู้นำการทอดกฐิน หรือเป็นผู้วางนโยบายทำให้เกิดการพัฒนา มีความสุขที่เห็นผู้อื่นเป็นสุข ความสุขนี้จะยาวนานหน่อย
เราจะสร้างความสุขได้ จะต้องมีความสุขทีละเล็กละน้อยสะสมไว้ทำให้มีพื้นความสุข และมีความสุขมาเติมทุกวัน เช่น ถามตัวเองว่าวันนี้มีความสุขกี่ครั้ง คนอาจจะตอบไม่ค่อยได้ แต่ถ้าถามผมวันหนึ่งผมอาจมีความสุข 20-30 ครั้งแล้ว เช่น ผมมาทำงานได้ตรงเวลา ผมก็มีความสุข ผมได้ประชุมทำงานสำเร็จไปหลายอย่างก็เป็นความสุข ผมได้พูดคุยกับนักวิชาการได้ความรู้ใหม่ก็เป็นสุข หรือได้รับประทานอาหารกลางวัน มีรสชาติดีก็มีความสุขแล้ว เราก็เก็บทีละเล็กละน้อย เป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ เราก็จะมีพื้นความสุข พอมีความสุขก็จะแสดงออกทางหน้าตา และรอยยิ้ม
จะสร้างความสุขทีละเล็กละน้อยอย่างไร? นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ยกตัวอย่างเรื่องการให้ ไม่จำเป็นจะต้องให้วัตถุหรือเงินทอง สามารถให้ความรัก ให้โอกาส ให้คำสรรเสริญ ชื่นชมคนอื่น ให้รอยยิ้มก็ได้ เพราะรอยยิ้มเป็นกลไกของความสุข มีการพูดกันว่ารอยยิ้มเป็น โรคระบาด อย่างเรายิ้มให้ใครสักคน ร้อยละ 99 เขาจะยิ้มตอบ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คนที่มีความสุขมักจะแสดงออกมาที่รอยยิ้ม ถ้าเราหน้าบึ้งคนอื่นก็มองเราในแง่ลบ แต่ถ้ายิ้มเขาก็จะมองเราในแง่บวก ว่าน่าพูดคุยคบหาด้วย
การทำอะไรก็ตามควรมีเป้าหมาย เช่น การทำนาทำไร่ ถ้าตั้งเป้าหมายว่าวันนี้จะต้องทำให้ได้ 1 ไร่ พอทำได้ 2 ไร่ก็มีความสุข เป็นต้น หรือบางคนอาจมีความสุขกับการได้อยู่และพูดคุยกับคนในครอบครัว คือ ความสุขมันอยู่ที่มุมมอง อย่างมีภาพถ่ายภาพหนึ่ง เป็นบ้านที่มีความยุ่งเหยิง แต่คนในบ้านเขาถือว่าเป็นบ้านแห่งความสุข เพราะบ้านนี้ทำให้ครอบครัวได้อยู่ ด้วยกัน ได้มีโอกาสพูดคุยกัน ที่นี่คือสถานที่ให้ความสุขกับเขา คนอาจจะมองว่าบ้านรกรุงรังคงเป็นทุกข์ แต่เขามองว่าเป็นความสุข
คนที่มีความสุขจะอายุยืนกว่าคนอื่น สุขมากก็ทุกข์น้อย ทำให้มีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต มีแรงบันดาลใจมากกว่าคนที่มีทุกข์
คนที่มีความทุกข์จะสร้างสุขได้อย่างไร? นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า มันต้องให้พ้นทุกข์ก่อน คนที่เป็นทุกข์ต้องรู้ว่าทุกข์เพราะอะไร ถ้าทุกข์จากวิธีคิดก็เปลี่ยนวิธีคิด เพราะคนที่คิดลบอยู่สม่ำเสมอจะเป็นคนคิดลบ คนที่คิดบวกสม่ำเสมอก็จะเป็นคนคิดบวก ดังนั้นต้องมองจุดดีที่เกิดขึ้นในภาวะต่าง ๆ ให้ได้.
นวพรรษ บุญชาญ รายงาน