นิทานวิเศษเพื่อเด็กพิเศษ มหัศจรรย์หนังสือนิทานสร้างได้

รวบรวมข้อมูลโดย ฝ่ายสื่อสารองค์กรและเทคโนโลยี

            ปัจจุบันด้วยภาระหน้าที่การงานของพ่อแม่และรูปแบบการใช้ชีวิตที่เร่งรีบหลายครอบครัวมีเวลาให้ลูกน้อยลง เด็กบางคนโตมากับทีวี บ้างก็โตมากับแท็บเล็ต ในขณะที่การเล่าหนังสือนิทานกลับถูกลดความสำคัญลง ทั้งๆที่การเล่านิทานให้ลูกฟังนั้นนับเป็นกิจกรรมคลาสลิกและช่วยเสริมสร้างความรักความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูกได้เป็นอย่างดี  และในวัยเด็กนี้เองที่เป็นช่วงสำคัญที่สุดในการปลูกฝังและสร้างพื้นฐานความรักความอบอุ่น รวมถึงพัฒนาการเรียนรู้ด้านต่างๆของเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่มีความต้องการพิเศษซึ่งควรได้รับการดูแลเอาใจใส่มากกว่าเด็กทั่วไป
          ด้วยเล็งเห็นประโยชน์ในการอ่านนิทานก่อนนอนซึ่งจะช่วยสร้างสมาธิให้กับเด็กได้เป็นอย่างดี รวมถึงเสริมสร้างพัฒนาการด้านภาษา ความคิด อารมณ์ และสังคมไปพร้อมๆกัน  ประภาคารพับลิชชิ่งในเครือสำนักพิมพ์วัฒนาพานิช จึงได้คัดสรร หนังสือชุด “นิทานวิเศษเพื่อเด็กพิเศษ” ขึ้นสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กที่มีความต้องการพิเศษรวมถึงหน่วยงานองค์กรต่างๆที่สนใจ 
          นางสาวสุคนธา สินธพ ผู้ช่วยผู้บริหารแผนกวรรณกรรมเด็ก บริษัท ประภาคาร เอ็ดดูเคชั่น จำกัด เล่าว่า เด็กที่มีความต้องการพิเศษจะมีวิธีการสื่อสารที่แตกต่างจากเด็กทั่วไปในบางส่วน เช่น มีกระบวนการคิดและตีความที่ใช้เวลามากกว่า มีความสามารถในการจดจำภาพทางสายตามากกว่า จดจำสิ่งที่ได้ยิน มีระยะความสนใจสั้น และมีความคล่องในการอ่านแตกต่าง ดังนั้น การเลือกหนังสือนิทานให้เด็กกลุ่มนี้จึงต้องเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาไม่ซ้ำซ้อน ตัวหนังสือไม่เยอะ และมีภาพสวยงามสามารถดึงดูดความสนใจของเด็กได้
          หนังสือชุด “นิทานวิเศษเพื่อเด็กพิเศษ” ได้รับการคัดเลือกจากหนังสือสำหรับเด็กปฐมวัย 3-6 ขวบ ของสำนักพิมพ์ประภาคาร ซึ่งเราได้ใช้ทดลองจริงในกลุ่มเด็กที่มีความต้องการพิเศษภายใต้ โครงการ “นิทานสร้างได้” เป็นระยะเวลา 2 ปี แล้วเห็นผล มีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยพบว่าเด็กๆ มีพัฒนาการที่ดีกว่าเดิม เช่น มีสมาธิในการฟังมากขึ้น , สามารถจดจำเรื่องราวและเชื่อมโยงได้ดีขึ้น มีแรงจูงใจที่จะอ่านหนังสือมากขึ้น และเมื่อเทียบกับเด็กทั่วไป ใช้เวลาสังเกตการณ์ 6 อาทิตย์ เด็กที่ให้พ่อแม่อ่านหนังสือทุกวัน 83 % จะมีสมาธิฟังจนจบในขณะที่เด็กพิเศษ 87 %  นิ่งแล้วฟังได้จนจบเรื่อง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากกว่าเด็กทั่วไปเสียอีก เราจึงคัดเลือกหนังสือมา 5 เล่มดาวเด่นที่มีเสียงตอบรับดีและเคยได้รับรางวัลมาจัดชุด โดยรายได้ส่วนหนึ่งมอบหนึ่งกับมูลนิธิราชานุกูลและมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก
             หนังสือชุด “นิทานวิเศษเพื่อเด็กพิเศษ” ประกอบด้วยหนังสือ 5 เล่ม ได้แก่
 1. ครอบครัวตัวเลข  เริ่มต้นเรียนรู้ตัวเลขอย่างสนุกสนานไปกับตัวเลขต่างๆ ที่กลายเป็นสัตว์หลากหลายชนิด ช่วยให้เด็กๆจดจำตัวเลขได้ง่าย
 2. มะเขือยักษ์ เรียนรู้เรื่องความพอเพียงจากลุงพอและลุงเพียงที่ปลูกมะเขือเทศยักษ์เหมือนกันแต่ผลที่ได้รับกลับต่างกัน
 3. วันสุขสันต์ของซันนี่ หนังสือให้กำลังใจคุณแม่สะท้อนแง่คิดในการหาความสุขเล็กๆน้อยๆจากสิ่งรอบๆตัวของหมีน้อยซันนี่
4. คุณแม่นักแปลงกาย หนังสือให้กำลังใจคุณแม่ทุกคน ที่ทุ่มเทความรักความอบอุ่นจนสามารถแปลงกายเป็นทุกสิ่งอย่างได้เพื่อลูก
5. ดอกไม้ให้ใครเอ่ย หนังสือภาพเสริมสร้างจินตนาการทั้งผู้เล่าและผู้ฟัง เป็นหนังสือภาพที่ไม่มีตัวหนังสือบรรยาย เรื่องราวของเต่าน้อยที่มีความมุ่งมั่น ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เพื่อนำดอกไม้ไปมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้แม่
           “อยากให้ครอบครัวคนไทยเลี้ยงลูกด้วยหนังสือ แม้ทุกวันนี้จะมีเทคโนโลยีมากมาย แต่เราเชื่อว่าหนังสือช่วยสร้างความรักและจะประทับลงไปในจิตลูก ถ้าคุณใช้แท็บเล็ตสอนลูก ครึ่งหนึ่งของความสนใจของลูกก็จะอยู่ที่ตัวแท็บเล็ต  ในขณะที่หนังสือนิทานเด็กๆ จะได้หยิบ ได้จับ ได้พลิก ได้มองตา ได้ยินเสียงของคุณพ่อคุณแม่ สมาธิของเด็กๆ จะอยู่ที่ตัวคุณเกือบทั้งหมด  เด็กๆได้มีโอกาสพัฒนาการบูรณาการของประสาทสัมผัสรอบด้าน นอกจากนี้การสอนลูกผ่านการเล่านิทานบำบัด ยังเห็นผลดีกว่าการบอกกล่าวโดยตรงอีกด้วย เช่น ลูกไม่กินผัก เราก็หยิบเอานิทานมะเขือเทศมาเล่า เด็กก็จะซึมซับและเริ่มมากินมะเขือเทศเองโดยที่คุณไม่ต้องจ้ำจี้จ้ำไช” นางสาวสุคนธา กล่าวทิ้งท้าย
            หนังสือชุด “นิทานวิเศษเพื่อเด็กพิเศษ” ราคาชุดละ 600 บาท มีจำหน่ายที่ศูนย์หนังสือจุฬาทุกสาขา มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก หรือสามารถสั่งซื้อได้โดยตรงที่สำนักพิมพ์ประภาคาร โทร. 0-2222-2788 รายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดจำหน่ายมอบให้กับสถาบันราชานุกูล

หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2557