เรียนพิเศษ การเรียนรู้ที่ไม่ได้มีแต่ในห้องเรียน

“ น่าสงสารเด็กสมัยนี้ที่พ่อแม่ไม่รู้ว่าการเรียนรู้ไม่ได้มีเฉพาะ
แต่ในห้องเรียน แต่การเล่น ได้พักผ่อน และนอนอย่างเพียงพอจะ
ช่วยให้ลูกย่อยและเก็บความรู้ที่ได้มาอย่างเป็นระบบ เด็กจะเรียนรู้ได้สูงสุด เมื่อมีความสุขในการเรียนค่ะ”


Transfer Effect – การเชื่อมโยงการเรียนในสมอง
          การฝึกหรือเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น การที่เด็กฝึกเล่นดนตรีนั้น นอกจากจะเกิดผลโดยตรงกับโครงสร้างทางสมองและเกิดทักษะทางด้านดนตรีแล้ว การเล่นดนตรียังเกิดผลทางอ้อมในการไปกระตุ้นวงจรประสาทส่วนการเคลื่อนไหว การได้ยิน การคิด การมองเห็นของสมองอีกด้วย เมื่อฝึกซ้ำๆ ทำบ่อยๆ สมองส่วนนั้นก็จะได้รับการพัฒนาตามไปด้วย ซึ่งสมองส่วนดังกล่าวนี้ คือรากฐานสำคัญของการพัฒนาความคิดทางคณิตศาสตร์และภาษา รวมทั้งการควบคุม การเคลื่อนไหวร่างกาย ดังนั้น การที่เด็กเล่นดนตรีจนเก่งชำนาญแล้ว เด็กยังได้รับผลทางอ้อมคือได้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์และภาษาตามไปด้วย กระบวนการเรียนรู้ทางสมองเหล่านี้ เรียกว่า Transfer Effect
          เมื่อลูกได้เล่น ได้พักผ่อน เล่นกีฬา ทำงานบ้าน หรือหากิจกรรมสร้างสรรค์อย่างอื่นๆ ที่ลูกสนใจ กิจกรรมเหล่านี้จะเกิดกระบวนการ Transfer Effect เช่น การทำงานศิลปะ การวาดรูป จะช่วยให้เด็กเกิดสมาธิ การเล่นต่อเลโก้ เด็กจะได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และการแก้ไขปัญหา การช่วยทำกับข้าว จะช่วยให้เด็กพัฒนาประสาทสัมผัสทั้งห้า เกิดทักษะทางคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ รู้จักการแก้ไขปัญหาและการทำงานเป็นขั้นตอน
           ความฉลาดของลูกจึงไม่ใช่การให้ข้อมูลวิชาการใส่สมอง แต่ต้องให้ลูกได้ทำกิจกรรมต่างๆ ที่จะช่วยให้สมองลูกได้พัฒนา และส่งผลทางอ้อมเป็นพื้นฐานความสามารถในด้านอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการเรียนของลูก เด็กจะเรียนหนังสือได้ดีก็ต้องมีสมาธิ รู้จักแก้ไขปัญหา วางแผนได้ คิดเป็นระบบ มีเหตุมีผล รู้จักยับยั้งชั่งใจ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้หาไม่ได้ในหนังสือเรียน แต่ได้มาด้วยการเล่น การทำงานศิลปะ การเล่นดนตรี การทำงานบ้าน การเล่นกีฬา การกอด ความรักและความอบอุ่นในครอบครัว

yesสิ่งที่พ่อแม่ควรทำ
˗ ให้ลูกได้เล่นและออกกำลังกายอย่างเพียงพอ เพราะทั้งสองสิ่งนี้ถือเป็นการเรียนรู้ในชีวิตของเด็ก
เทียบเท่าการทำงานของผู้ใหญ่
˗ เมื่อออกกำลังกาย เช่น ขณะตีแบดมินตัน สมองจะทำงานในการคิด วางแผน ตัดสินใจ เคลื่อนไหว
ใช้มือ  ไปพร้อมๆ กัน เท่ากับช่วยให้สมองทำงานได้เต็มที่ ถ้ามีเวลาออกกำลังกานเพียงพอต่อวัน จะทำให้สมองทำงานดีขึ้นไปด้วย
˗ สมองจะทำงานดีที่สุดในบรรยากาศที่สนุก สบาย ผ่อนคลาย ยิ่งชอบวิชาที่เรียนหรือครูผู้สอนยิ่งจะ
เรียนรู้ได้ดี
˗ การเรียนรู้ต้องการในการย่อยข้อมูล การได้เดินเล่น วาดรูป เล่นกีฬา ออกกำลังกาย ร้องเพลง นอน
พักผ่อน ซึ่งเป็นภาวะผ่อนคลาย สมองจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จัดเรียงความสำคัญเชื่อมโยงข้อมูลใหม่กับข้อมูลเก่า จัดเก็บข้อมูลเป็นระบบ
˗ การวางแผนเรียนพิเศษให้ลูก คำนึงถึงพัฒนาการโดยรวม ให้เด็กได้พัฒนาไปทุกด้าน ทั้งร่างกาย
จิตใจ อารมณ์ และสังคม

noสิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำ
˗ แม้เพื่อนจะเป็นแรงจูงใจที่ดีในการเรียนพิเศษ แต่การเอาการเรียนพิเศษของเพื่อนมากดดันให้
เด็กต้องไปเรียนเหมือนเพื่อน จะทำให้เด็กอยู่ในภาวะเครียด ซึ่งเมื่อเครียด หรือเสียใจ จะเป็นช่วงที่คนเราเรียนรู้ได้ต่ำ จึงไม่ช่วยให้การเรียนของลูกดีขึ้น

  *หัวใจการเลี้ยงดู การเล่น กีฬา ดนตรี ช่วยให้เกิดการเชื่อมโยงการเรียนรู้ในสมอง ส่งผลให้ลูกเรียนรู้ได้ดี*

 


(คัดย่อข้อมูลมาจากหนังสือคู่มือการใช้สื่อเสียง ชุด “พ่อแม่เลี้ยงบวก”เนื้อหาวิชาการโดย
 ศ.คลินิก(พิเศษ) พญ.วินัดดา ปิยะศิลป์ และ ผศ.นพ.พนม เกตุมาน ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่ง
ประเทศไทย นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข)


  View : 1.71K


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง


 วันนี้ 313
 เมื่อวาน 1,986
 สัปดาห์นี้ 4,284
 สัปดาห์ก่อน 13,224
 เดือนนี้ 23,691
 เดือนก่อน 65,202
 จำนวนผู้เข้าชม 816,342
  Your IP : 54.36.148.50