สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข จัดงานวันเด็ก ประจำปี 2556 ก่อนวันเด็กแห่งชาติเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2556 ภายใต้ชื่องาน เปิดโลกแห่งการเรียนรู้ให้เด็ก...คนพิเศษนับเป็นงานวันเด็กที่สำคัญและเป็นงานวันเด็กที่รวมเด็กพิเศษมากที่สุด แถมได้ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญมาออกแบบกิจกรรม ทั้งเกมเสริมทักษะพัฒนาการ การแสดงนวัตกรรมเพื่อเด็กพิเศษ รวมถึงการมอบรางวัลแก่นักกีฬาสเปเชียลโอลิมปิกที่เป็นเด็กบกพร่องทางพัฒนาการและสติปัญญาที่มีความสามารถได้รับชัยชนะในระดับนานาชาติได้
ปัจจุบันพบเด็กที่ที่มีปัญหาพัฒนาการและปัญหาในการเรียนรู้จากภาวะการทำงานของสมองผิดปกติ ได้แก่ สมาธิสั้น แอลดี เรียนรู้ช้า และออทิสติก มีถึง 12-13% ของประชากรเด็กทั้งหมด แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ ประชากรที่เพิ่มขึ้น การค้นพบเด็กที่มีปัญหาทางพัฒนาการได้มากขึ้นรวมถึงปัจจัยแวดล้อม ทั้งมลพิษและอาหารล้วนมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวอีกว่า เด็กที่มีความบกพร่องเหล่านี้มักมีปัญหาพฤติกรรมและอารมณ์ร่วมด้วย ส่งผลต่อการปรับตัวทางสังคมทำให้พ่อแม่เกิดความกังวลใจในการดูแลลูกในชีวิตประจำวันทั้งการดูแลทำให้กิจวัตรประจำวันและการใช้ชีวิตในสังคม การดูแลที่สำคัญเริ่มจากการค้นหาเด็กที่มีความบกพร่องให้ได้โดยเร็ว โดยให้เด็กได้เข้าสู่กระบวนการฝึกพัฒนาทักษะ สำหรับกรมสุขภาพจิตได้ร่วมกับเครือข่ายพัฒนาหนังสือที่เป็นเรื่องเล่าทางสังคมที่พ่อแม่สามารถใช้ในการฝึกให้ลูกสามารถปรับพฤติกรรมทางสังคม
ดังนั้น จึงเกิดความร่วมมือกันระหว่าง 3 หน่วยงาน ได้แก่ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต และแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. ร่วมกันดำเนินงานโครงการจัดทำหนังสือ เรื่องเล่าทางสังคม ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์ และรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ซีดีรอม และเว็ปไซต์ เพื่อเผยแพร่ให้กับกลุ่มบุคคลที่สนใจ โดยเฉพาะพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กออทิสติก
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จะมีบทบาทหลักในการปรับเนื้อหาหนังสือเรื่องเล่าทางสังคมให้เหมาะสม และร่วมจัดทำในรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ส่วนแผนงานสื่อสร้างเสริมการอ่าน (สสส.) มีบทบาทหลักในการผลิตหนังสือ เรื่องเล่าทางสังคม ในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่สถาบันราชานุกูลซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจบริการสำหรับหอผู้ป่วยเด็กออทิสติกมีโปรแกรมการให้บริการหลัก 2 ส่วน คือ โปรแกรมพัฒนาศักยภาพขั้นพื้นฐานและโปรแกรมเฉพาะด้านพัฒนาทักษะการสื่อสาร จึงจะเป็นหน่วยงานหลักที่ผลักดันการส่งเสริมการนำสื่อฯ ดังกล่าว ไปเป็นเครื่องมือช่วยในเรื่องการปรับพฤติกรรมของผู้ป่วยให้สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล บอกถึงผลการวิจัยเรื่องเล่าทางสังคมว่า ในปี 2555 หลังจากการพัฒนาสื่อเรื่องเล่าทางสังคมในรูปแบบของหนังสือนิทานแล้วเสร็จ จำนวน 7 เรื่อง ซึ่งในแต่ละเรื่องมีการเรียบเรียงเนื้อหาและภาพประกอบให้เหมาะสำหรับเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง จากนั้น คณะผู้วิจัยจากสถาบันราชานุกุล ได้เลือกเรื่องเล่าทางสังคมจำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ สวัสดี เก็บรองเท้าที่ไหน และนั่งรอได้ มาทำการวิจัย เพื่อศึกษาผลของเรื่องเล่าทางสังคมแบบหนังสือนิทาน และให้ได้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการอ้างอิงทางวิชาการ
กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กออทิสติก อายุ 3-6 ขวบ จำนวน 20 ราย ก่อนการทดลอง เด็กแต่ละคนได้รับการประเมินพฤติกรรมทางสังคม ได้แก่ การสบตา การยกมือไหว้ การหยิบรองเท้า การวางรองเท้าในตู้รองเท้า และการนั่งรอพร้อมกับผู้ปกครอง จากนั้น คณะผู้วิจัยจะนำเด็กแต่ละคนเข้าร่วมกิจกรรมการอ่าน เรื่องเล่าทางสังคม ทั้ง 3 เรื่อง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ วันละ 15-20 นาที เป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังการทดลองประเมินพฤติกรรมทางสังคม ทั้ง 6 ด้าน ของเด็กแต่ละคนซ้ำ เพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลง ผลการวิจัยพบว่าพฤติกรรมทางสังคมของเด็กออทิสติกปฐมวัยดีขึ้น ภายหลังการใช้เรื่องเล่าทางสังคมแบบหนังสือนิทาน
สุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน (สสส.) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ให้ความสำคัญเรื่องของการอ่านกับเด็กพิเศษเป็นอย่างมาก ซึ่งนอกจากการจัดทำหนังสือชุด เรื่องเล่าทางสังคม เพื่อเด็กออทิสติกแล้ว ยังมีการจัดทำโครงการ สื่ออ่านสร้างสุขเพื่อเด็กแอลดี อีกด้วย
โครงการอ่านเพื่อการเรียนรู้และสร้างเสริมพฤติกรรมที่เหมาะสมสำหรับเด็กออทิสติก ได้พัฒนาสื่อชุดเรื่องเล่าทางสังคมในรูปแบบแอนิเมชั่นผ่านระบบออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ต ทั้ง 7 เรื่อง ซึ่งปัจจุบันได้เผยแพร่เรื่องเล่าทางสังคมในรูปแบบ E-book แล้วทั้งหมด และทดลองเป็นนิทานแบบเคลื่อนไหว 1 เรื่อง ชื่อเรื่อง "หนูแปรงฟันทุกวัน" โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่ www.rajanukul.go.th และสามารถสอบถามข้อสงสัยในอาการของบุตรหลานของท่านได้ที่ สายด่วน 1323และ ฮอตไลน์ 0-2245-4696
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันอังคารที่ 15 มกราคม 2556