แม่คนดีที่หนึ่ง

 

 

แม่คนดีที่หนึ่ง
โดย แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร

 

          การเลี้ยงลูกไม่ใช่การท่องจำความรู้สอบให้ได้เกรด 4 ถึงสอบความรู้ผ่านเป็นเลิศ แต่ปรับใช้ให้ยืดหยุ่นกับลูกไม่ได้ ลูกคงไม่สามารถโตแบบหุ่นยนต์ได้

          อยากชวนคุณแม่ทุกท่านหาโอกาสชมภาพยนตร์เรื่อง My sister’s keeper  เป็นเรื่องของคุณแม่ที่มีลูกสาว 2 คน และลูกชาย 1 คน ที่ลูกสาวคนหนึ่งป่วยเป็นมะเร็ง และคุณแม่ได้ต่อสู้เพื่อที่จะดูแลลูกอย่างดีที่สุด จนกระทั่งเธอมีอายุยืนยาวจนเข้าวัยรุ่น และในที่สุดก็เข้าสู่ระยะสุดท้ายของชีวิต เรื่องเริ่มตรงที่ลูกสาวคนเล็กยื่นฟ้องต่อศาลขอสิทธิในการคุ้มครองตนเองทางการแพทย์ เมื่อเธอปฏิเสธที่จะผ่าตัดเพื่อยกไตให้กับพี่สาวที่ป่วย ทนายที่รับว่าความให้กับน้องสาวถามคุณแม่ว่าเคยถามความสมัครใจของลูกไหมว่าต้องการบริจาคไตให้กับพี่สาวหรือไม่ คุณแม่ตอบว่าเธอต้องตัดสินใจในสถานการณ์ของครอบครัว แม้ไม่เคยถามลูก แต่เธอยืนหยัดทำสิ่งที่ดีทีสุดให้กับลูกเสมอ ทนายโต้กลับว่าคุณแม่ยืนหยัดทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกที่ป่วยแล้วใครจะยืนหยัดให้กับลูกสาวอีกคน ในชีวิตจริงคนเป็นแม่ต้องเจอสถานการณ์ที่ต้องเลือกตัดสินใจ และแน่นอนที่สุดแม่เลือกตัดสินใจทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกเสมอ ภาพยนตร์เรื่องนี้เสนอทางออกสำหรับทุกคนในสถานการณ์ครอบครัวที่ซับซ้อน

          ความคาดหวังที่สังคมมอบให้คนเป็นแม่ เป็นภารกิจยิ่งใหญ่ที่คนเป็นแม่มีความสุขที่จะได้ทำหน้าที่ของตนเองบ่อยครั้งการทำหน้าที่ของแม่อาจรบกวนความรู้สึกของแม่เองว่าตนเองยังทำได้ไม่ดีพอ บางคนถึงกับผิดหวังกับตัวเอง และโทษตนเองว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้ความคาดหวังที่ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ยังหวังว่าแม่จะเป็นคนดูแลบ้าน โดยเฉพาะเรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบของบ้าน ดูแลเรื่องอาหารการกินของสมาชิกในครอบครัว รวมทั้งเป็นคนสำคัญที่ทำให้บ้านอบอุ่นด้วยความเอาใจใส่ ดูแลอารมณ์และจิตใจของสมาชิกในบ้าน แม่อยากทำทุกหน้าที่ที่ได้รับความคาดหวังและอยากทำให้ดี แต่ทำให้ดี ดีกว่าที่เป็นอยู่ หรือดีที่สุด จะวัดจากตรงไหน และแม่สามารถยืดหยุ่นในการทำหน้าที่แม่ได้อย่างไร

คุณแม่เกรด 4
          ในปัจจุบันนอกจากทำหน้าที่พื้นฐานตามที่คาดหวัง ยังมีความรู้ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์อีกมากมาย สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเติบโตของลูก โรคใหม่ ๆ ที่ต้องป้องกัน การพัฒนาลูกให้สมบูรณ์ตามตารางการเติบโต และยังมีประสบการณ์การเรียนรู้ที่ลูกต้องการอย่างหลากหลาย ความรู้มากมายเหล่านี้ผ่านมาทุกช่องทาง 
แต่การเลี้ยงลูกยังคงต้องกลับมาอยู่ที่หัวใจของแม่ การเลี้ยงลูกไม่ใช่การท่องจำความรู้สอบให้ได้เกรด 4 ถึงสอบความรู้ผ่านเป็นเลิศแต่ปรับใช้ให้ยืดหยุ่นกับลูกไม่ได้ ลูกคงไม่สามารถโตแบบหุ่นยนต์ได้

โอกาสในการเรียนรู้
          เป็นที่ยอมรับว่าเด็กมีความพร้อมกับการเรียนรู้ตามวัย ถ้าได้รับการส่งเสริมเป็นโอกาสที่ลูกจะพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ ตามความสามารถที่ลูกมีอยู่ภายในตนเอง แต่ในการเรียนรู้ที่ดีลูกยังต้องการเวลาหยุดพักผ่อน ลูกต้องการเวลาเล่นโดยอิสระ เวลาที่เขาจะเรียนรู้อย่างมีความสุขตามความสนใจ และลองผิดลองถูกเพื่อค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ในเวลาที่ลูกพัก แม่ก็ต้องการเวลาพักเช่นกัน เวลาที่ลูกเล่นอย่างอิสระ เป็นเวลาที่แม่เพียงเฝ้าดูไม่ต้องวุ่นวายออกแบบการเล่น หรือการทำกิจกรรมของลูกตลอดเวลา เวลาที่ลูกมีความสุขกับการเรียนรู้คือเวลาที่แม่มีความสุขกับการเล่นตามลูก และใช้ชีวิตอยู่กับลูกด้วยความสนุก ซึ่งช่วยเติมพลังงานชีวิตให้กับคนเป็นแม่ด้วยเช่นกัน เวลาที่เขาลองผิดหรืออาจเป็นแม่ที่ลองผิดไปบ้าง แต่ไม่เป็นอันตรายกับลูก เราจะเรียนรู้จากความผิดพลาดด้วยกัน และไม่ติดอยู่กับการโทษตัวเองจนก้าวต่อไปไม่ได้

อยู่กับความจริง
          ดีที่สุดเป็นสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่การเป็นแม่ที่ดีรู้สึกได้จากความรู้สึกว่าได้ใช้เวลาที่สำคัญกับลูก แม่ทุกคนไม่ได้เป็นแม่ตลอดเวลาทุกวินาที แม่ยังต้องการเวลาอาบน้ำ อ่านหนังสือที่ชอบ ไปทำธุระอื่นสำหรับครอบครัวและตนเอง แม่บางท่านมักรู้สึกว่ายังไม่พอ ต้องทำให้มากขึ้นไปอีก จนกลายเป็นความกดดัน แทนที่เวลาที่อยู่ด้วยกันจะเป็นเวลาคุณภาพ กลายเป็นเวลาที่แม่ทำอะไรไม่เสร็จ บ้านยังรกสกปรก ธุระสำคัญยังค้างแต่ไม่ยอมจัดการเวลาจัดระบบชีวิต แม่ต้องเรียนรู้การบริหารเวลาในแต่ละวัน จัดแบ่งเวลาเป็นสี่ส่วน ส่วนที่หนึ่งสำหรับดูแลเรื่องส่วนตัวของตัวเอง ส่วนที่สองสำหรับลูกและครอบครัว ส่วนที่สามสำหรับการดูแลบ้าน และส่วนที่สี่สำหรับธุระที่จำเป็นนอกครอบครัว

เรารู้จักลูกดีที่สุด
          หนังสือ ตำรา คำแนะนำ คำบอกเล่า เป็นภาพกว้างที่ช่วยในการเลี้ยงดูลูก  
แต่คุณแม่และคุณพ่อเป็นผู้ที่รู้จักลูกดีที่สุด การใช้หนังสือให้เป็นประโยชน์ต้องอ่านอย่างหลากหลาย ไม่ยึดเอาจริงเอาจังจนขาดความเข้าใจในธรรมชาติของลูก และที่สำคัญการกังวลตลอดเวลาว่าเราจะให้อาหารลูกไม่ถูกต้อง เราฝึกลูกไม่ถูกวิธี ลูกจะเจอแต่ประสบการณ์ที่เป็นแง่ลบ จนขาดความมั่นใจในการดูแลลูก ไม่กล้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไปพร้อมกับลูก ใช้เวลาให้มากขึ้นในการสังเกตธรรมชาติของลูก ปรับวิธีที่เคยใช้แล้วไม่ได้ผล หาคำแนะนำมาให้มีทางเลือกใหม่ ๆ ที่จะดูแลลูกในแต่ละวัน

ทำไมไม่เป็นเหมือนแม่คนอื่น
          อย่าเปรียบเทียบตนเองกับแม่คนอื่น โดยเฉพาะแม่ที่ทำงานและแม่ที่ไม่ทำงานมักรู้สึกว่าอีกฝ่ายเลี้ยงลูกได้ดีกว่าตนเอง แม่แต่ละคนมีวิธีในการดูแลลูกต่างกันไปบ้าง ถ้ามีโอกาสที่จะแลกเปลี่ยนวิธีการดูแลลูก ขอให้แลกเปลี่ยนกันด้วยความรู้สึกอยากจะคุยกันในฐานะแม่คนหนึ่ง แทนที่จะตำหนิแม่อีกคนว่าใช้ไม่ได้ เปลี่ยนเป็นการให้กำลังใจ ให้ความมั่นใจที่จะเปลี่ยนวิธีในการดูแลลูก และแม่คงต้องไปเลือกหาวิธีที่เหมาะกับลูกและครอบครัวของตนเอง

หยุดนิสัยย้ำคิดย้ำทำ
          ฝากสุดท้ายสำหรับคุณแม่บางท่าน ที่เริ่มพบว่าตนเองกังวลจนควบคุมตนเองไม่ได้ เริ่มตรวจสอบทุกอย่างเกี่ยวกับลูก ทำอะไรซ้ำ ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูกต้องดีสมบูรณ์แบบ และแม้จะตรวจสอบอย่างละเอียด ก็ไม่สามารถวางใจได้ จนกลายเป็นอาการย้ำคิดย้ำทำ ต้องเริ่มผ่อนคลายตัวเองในการดูแลลูก หาวิธีคลายเครียดด้วยกิจกรรมที่ชื่นชอบ แบ่งความรับผิดชอบในการดูแลลูกให้คุณพ่อไปบ้าง แต่ถ้าอาการย้ำคิดย้ำทำรบกวนจิตใจมากคงต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญช่วยบำบัดอาการ ก่อนลูกจะซึมซับเอาความกังวลนึ้ไปด้วย

          แม่ทุกคนอยากเป็นแม่คนดีที่หนึ่ง และแม่ได้ทำสิ่งนั้นด้วยหัวใจที่ลูกสามารถสัมผัสได้ อยากให้คุณแม่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวจนถึงตอนที่ไม่ควรพลาดเป็นตอนจบเรื่อง เมื่อลูกสาวพูดถึงความทรงจำที่ดีที่สุดที่มีแม่อยู่ด้วย เพื่อบอกว่าแม่ได้ให้สิ่งที่ดีกับชีวิตเขามากพอแล้ว และเขาต้องการให้แม่ได้ปล่อยเขาไปตามวิถีทางชีวิตของเขา แม่อาจไม่สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างให้กับขีวิตลูกได้ แต่แม่ทำดีแล้วสำหรับลูกของแม่

 

***ตีพิมพ์ในนิตยสาร โมเดิร์นมัม Vol.16 No.192 October 2011

 

  View : 3.15K


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง


 วันนี้ 1,304
 เมื่อวาน 1,986
 สัปดาห์นี้ 5,275
 สัปดาห์ก่อน 13,224
 เดือนนี้ 24,682
 เดือนก่อน 65,202
 จำนวนผู้เข้าชม 817,333
  Your IP : 18.217.120.254