รวบรวมข้อมูลโดย ฝ่ายสื่อสารองค์กรและเทคโนโลยี
มีหลายสิ่งที่เด็กๆ เรียนรู้จากความสัมพันธ์ในชีวิตการแต่งงานของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่คิดไม่ถึง จำไว้ว่าเด็กๆ จะเรียนรู้จากการฟัง การเฝ้าดู พฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่ และซึมซับสิ่งเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นที่คุณพ่อคุณแม่ต้องประเมินตัวเอง และทำให้ลูกดูเป็นตัวอย่างเพื่อลูกจะรู้ว่าชีวิตคู่เป็นอย่างไร สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้คือ 7 เรื่องสำคัญที่ลูกเรียนรู้จากความสัมพันธ์ของพ่อแม่
1. ลูกจะเรียนรู้ว่าความสัมพันธ์เป็นอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ลูกเรียนรู้จากชีวิตคู่ของคุณพ่อคุณแม่ คือ ลูกจะเรียนรู้ว่าความสัมพันธ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร จะเป็นภาพที่ฝังเข้าไปในสมองถึงความสัมพันธ์ของชีวิตแต่งงานไปจนตลอดชั่วชีวิตของลูก ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง ต้องพยายามฝังภาพความทรงจำที่ดีให้แก่ลูก เพราะจะช่วยลูกในการเรียนรู้เรื่องชีวิตแต่งงานในอนาคต
2. การแบ่งหน้าที่ในบ้าน ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตาม แต่การแบ่งหน้าที่ การทำงานในบ้านเป็นสิ่งที่ลูกเฝ้าดูและเรียนรู้จากสิ่งเหล่านี้ ถ้าคุณพ่อเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคุณแม่ เด็กๆ จะมีภาพเหล่านั้นติดตาอยู่ แต่หากคุณแม่เป็นคนที่รับผิดชอบงานบ้านอยู่คนเดียว ลูกก็จะมีความเชื่อว่าหากแต่งงานลูกก็จะต้องมีชีวิตแบบนั้นด้วย
ดังนั้นการแบ่งหน้าที่ การงานในบ้านอย่างยุติธรรม จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกทำตามในอนาคต และสอนว่าการทำงานเป็นทีมเป็นอย่างไรด้วย
3. ลูกจะเรียนรู้ทักษะการแก้ปัญหาข้อขัดแย้ง ความขัดแย้งเป็นส่วนหนึ่งของการมีชีวิตครอบครัว การมีข้อขัดแย้งไม่ใช่ปัญหา เพราะความขัดแย้งนำมาถึงซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่าง และการตัดสินใจที่เป็นหนึ่ง แต่ที่จะเป็นปัญหาคือกระบวนการที่เราจะจัดการกับความขัดแย้งนั้น การแก้ความขัดแย้งอย่างฉลาด จะทำให้ลูกเรียนรู้ทักษะการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยปัญญาและสติ และนั่นจะทำให้ลูกจำไปใช้แก้ปัญหาในอนาคตกับคนอื่นด้วย
4. ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและความแตกแยก เด็กๆจะไวต่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคุณพ่อคุณแม่ โดยที่บางทีเราไม่ต้องพูดออกมา เพราะภาษาท่าทางของเราดังกว่าการพูด สิ่งที่ดีที่สุดคือการที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าลูกเริ่มออกนอกลู่นอกทาง คุณพ่อคุณแม่ต้องรีบจัดการกับสิ่งเหล่านี้ อย่าปล่อยปละละเลยหรือเพิกเฉย เด็กจะรู้สึกมั่นคงมากกว่าหากคุณพ่อคุณแม่มีความคิดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณพ่อคุณแม่คือ ตกลงกันก่อนว่าจะจัดการอย่างไรกับทุกๆปัญหา โดยไม่แสดงความขัดแย้งต่อหน้าลูก
5. เรียนรู้การมีอารมณ์ขัน เด็กๆ จะเรียนรู้การมีอารมณ์ขัน จากการเฝ้าดูคุณพ่อคุณแม่ กิจวัตรประจำวันที่เราทำทุกวัน ไม่มีคนไหนเป็นคนสมบูรณ์แบบและแผนการที่เราวางไว้อาจไม่สำเร็จครบถ้วน อาจมีอะไรมาขัดจังหวะหรือทำให้เราพลาดจากแผนที่เราวางไว้ คุณพ่อคุณแม่จะจัดการกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร การหัวเราะให้กับสิ่งไม่คาดฝัน หรือเรื่องที่ไม่ประสบความสำเร็จจะทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก สอนลูกให้หัวเราะกับปัญหาในแต่ละวัน และมีความสุขกับทุกวันของชีวิต
6. การแสดงความรักเป็นสิ่งสำคัญ ลูกจะซึมซับความรักจากการแสดงความรักของคุณพ่อคุณแม่ หากลูกเห็นคุณพ่อคุณแม่รักกัน ดูแลใส่ใจกัน ลูกจะสามารถแสดงความรักนั้นต่อผู้อื่นได้
7. การปฏิบัติต่อผู้อื่น ลูกจะเรียนรู้การเข้าสังคมและการปฏิบัติเข้ากับคนอื่นจากการเฝ้าดูพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่ที่ปฏิบัติต่อผู้อื่นและปฏิบัติต่อกันและกัน ลูกชายจะเรียนรู้การปฏิบัติตัวการแสดงความเป็นลูกผู้ชายจากพ่อ ส่วนลูกผู้หญิงจะเรียนรู้กิริยามรรยาทจากคุณแม่ หรือคุณแม่เป็นคนคอยสนับสนุนคุณพ่อเสมอ คุณพ่อเป็นช้างเท้าหน้า นำครอบครัว คุณแม่เป็นช้างเท้าหลังคอยช่วยสนับสนุนให้เดินไปพร้อมๆกันได้ ทุกส่วนของอวัยวะต่างมีความสำคัญ หากครอบครัวไหนคุณพ่อคุณแม่แสดงบทบาทผิด ก็มักมีปัญหาอื่นๆ ที่ตามมา
ลูกเป็นเหมือนหุ่นปั้นจากน้ำมือของคุณพ่อคุณแม่ การรับความรัก และการสะท้อนความรักเหล่านั้นออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้ลูกเป็นคนดีในสังคมได้ ครอบครัวไหนมีเคล็ดลับดีๆแบ่งปันกันได้นะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ
ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์ โดย ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ