จิตแพทย์แนะเข้าใจธรรมชาติของเด็ก

 
รวบรวมข้อมูลโดย ฝ่ายสื่อสารองค์กรและเทคโนโลยี
 
       จิตแพทย์แนะเรียนรู้ธรรมชาติของเด็กไปตามหลักการพัฒนาสมอง ชี้ร่างกาย จิตใจ พัฒนาร่วมกับนิสัยที่บ่มเพาะ จะส่งเสริมให้เด็กมีความสุขและสนุกในการเรียนรู้
ศ.คลินิก พญ.วินัดดา ปิยะศิลป์ รองประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวในงานการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง (Brain-Based Learning) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่า การเข้าใจธรรมชาติของเด็ก การเลี้ยงดู และพัฒนาเด็กไปตามหลักการพัฒนาสมอง มีความสำคัญมาก เนื่องจากเด็กจะเรียนรู้ อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เรียนรู้ด้านถูกหรือผิดเข้าไป โดยกระบวนการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทั้ง ที่บ้าน ที่โรงเรียน ในห้างสรรพสินค้าทุกๆที่ที่เด็กไปเกี่ยวข้อง โดยสมองของเด็กจะประกอบด้วยการรับรู้ การคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ เชื่อมโยง ประสานข้อมูล แปลผล เก็บสะสม ในความทรงจำ และแสดงออก สมองจะทำงานดีมากในสภาวะที่ร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง จิตใจสงบและมีความสุขกับการสอนไปตามธรรมชาติเด็ก ที่เป็นไปตามช่วงชีวิตเด็ก แต่ละช่วงมีลักษณะเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน โดยผู้สอนควรเข้าใจเด็ก เข้าใจจังหวะการสอน เช่น เมื่อร่างกายพร้อม อยู่ในภาวะสมดุล สภาพแวดล้อมเหมาะสม จิตใจสงบ เด็กจะสามารถเรียนรู้ได้ดีที่สุด 
         ดังนั้น ร่างกาย จิตใจ อวัยวะที่พัฒนา ร่วมกับนิสัยที่ถูกบ่มเพาะให้เชื่อฟัง อดทน มีวินัย รับผิดชอบ จะส่งเสริมให้เด็กมีความสุข สนุกในการเรียนรู้และอยู่ในขบวนการการเรียนรู้ได้ดีและยาวนาน เช่น เด็กส่วนใหญ่อายุ 7 ปีจะเป็นช่วงที่สมองทำงานได้ดีมาก จึงพร้อมในการเรียนรู้ ใช้อวัยวะในการรับรู้ และใช้มือคล่อง จึงเป็นช่วงที่ฝึกอ่าน เขียน ได้จริงจัง แต่ถ้าเอาเด็กอายุ 6 ปี มาเรียนอย่างจริงจัง ก็จะเห็นว่าเด็กส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ไปตามครูสอนได้ แต่จะมีเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่ติดตามการเรียนไม่ทันถูกลากให้เรียน โดยที่โดนดุว่าเรียนพิเศษเพิ่ม เกิดอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดทั้งเด็ก พ่อแม่ และครูต่อกัน ทำให้บรรยากาศในการเรียนเสียหาย และถ้าไม่สนใจไปฝืนให้เด็กเรียนต่อทั้งๆที่ตามไม่ทัน โดยไปยึดมั่นว่าต้องเรียนไปตามอายุ ตามกลุ่มเพื่อน ห้ามซ้ำชั้น โดยไม่สนใจว่า ความสามารถของเด็กไปต่อไม่ได้ เพียงแค่นี้ก็ทำให้เกิดปัญหาในเด็กกลุ่มที่เรียนไม่ทันนี้มากมาย ในเมื่อคนเราทุกคนหนีทุกข์ อยากที่จะมีความสุข จึงเห็นว่าเด็กกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง ที่พบความทุกข์จากการเรียนหันไปหาสิ่งที่พวกเขาจะมีความสุขแค่ชั่วคราวก็ยังดี จึงเป็นจุดขึ้นต้นของปัญหาสังคม
          ดังนั้น ในกลุ่มเด็กมีปัญหาที่เป็นมุมมองของผู้ใหญ่ว่าเด็กมีปัญหา มุมหนึ่งคือเห็นว่าเด็กสมัยนี้แย่มากๆ อีกมุมหนึ่งมองว่า เด็กอาจอยู่ในภาวะลำบากต้องการความช่วยเหลือ หรือในอีกมุมหนึ่งว่าปัญหาเด็กเป็นกระจกสะท้อนปัญหาของผู้ใหญ่ หรือสะท้อน ว่าระบบที่เราจัดให้เด็กขาดความหลากหลาย หรือระบบที่เรามีอยู่นี้ส่งเสริมเด็กได้บางกลุ่มเท่านั้น ยิ่งมีเด็กที่มีปัญหามากขึ้นจึงสะท้อนว่าเราช่วยเหลือเด็ก กลุ่มใหญ่ไม่ได้เลยหรือช่วยได้น้อยมาก ถ้าเข้าใจเด็ก คือ เข้าใจ ธรรมชาติของเด็ก คือเข้าใจสมอง ความรู้สึก นึกคิดของเด็กก็จะเป็นรากฐานในการให้ความรู้ รวมทั้ง ช่วยเหลือแก้ไขปัญหา และในที่สุดเด็กก็กลับมาแสดงความสามารถในตัวในทิศทางที่เหมาะสมได้
 
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
 

จิตแพทย์แนะเข้าใจธรรมชาติของเด็ก.pdf

  View : 5.09K


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง


Warning: mysqli::query(): (HY000/1021): Disk full (/tmp/#sql-temptable-1c1-4ed99-6d5.MAI); waiting for someone to free some space... (errno: 28 "No space left on device") in /home/rajanukul/domains/rajanukul.go.th/public_html/th/configDB/class.php on line 30

Fatal error: Call to a member function fetch_array() on boolean in /home/rajanukul/domains/rajanukul.go.th/public_html/th/configDB/class.php on line 32

Warning: Unknown: write failed: No space left on device (28) in Unknown on line 0

Warning: Unknown: Failed to write session data (files). Please verify that the current setting of session.save_path is correct (/home/rajanukul/tmp) in Unknown on line 0