ปัญหาความรุนแรงในเด็กและวัยรุ่น

รวบรวมข้อมูลโดย ฝ่ายสื่อสารองค์กรและเทคโนโลยี
         ปัญหาความรุนแรงเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งมักพบว่า การเลี้ยงดูของพ่อแม่ การแข่งขันสูงทางด้านการศึกษา การมุ่งเน้นด้านรายได้ ด้านเศรษฐกิจและค่านิยมที่เปลี่ยนไปทำให้เกิดปัญหาความรุนแรงในสังคมไทย
         ปัญหาสังคมในปัจจุบัน หากมองในแง่ของการแก้ไขปัญหา ก็คงจะมีผู้ใหญ่ ผู้มีอำนาจในการแก้ไข รวมไปถึงหน่วยงานหรือองค์กรที่ทำหน้าที่แก้ไขเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่หากมองปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นให้ลงลึกไปอีกนั้น เราจะพบว่า การแก้ไขปัญหาอาจเป็นการปรับเปลี่ยนเพียงชั่วครั้งชั่วคราว หรือเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุมากกว่า
        อย่างในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ซึ่งเป็นสังคมส่วนใหญ่ในปัจจุบันที่ต้องการการดูแลและเข้าใจมากที่สุด กลับเป็นกลุ่มที่พบปัญหาและแก้ไขปัญหาได้ยากที่สุด โดยเฉพาะ “ปัญหาความรุนแรง” ที่เกิดขึ้น..ปัญหาที่มาพร้อมกับการแก้ไข ปัญหาที่มาพร้อมกับความคาดหวังของพ่อแม่รวมทั้งคนในสังคม
        ปัญหาความรุนแรงเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งมักพบว่า การเลี้ยงดูของพ่อแม่ การแข่งขันสูงทางด้านการศึกษา การมุ่งเน้นด้านรายได้ ด้านเศรษฐกิจและค่านิยมที่เปลี่ยนไปทำให้เกิดปัญหาความรุนแรงในสังคมไทย ซึ่งเด็กแต่ละคนมีพื้นฐานทางอารมณ์ที่แตกต่างกัน เด็กบางคนอารมณ์ดี สนุกสนาน ร่าเริงด้วยตัวพื้นฐานของเขาเอง เด็กบางคนหงุดหงิดง่าย ไม่ว่าจะเกิดจากยีนของเขา หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาสมองของเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพราะคุณแม่ที่มีความเครียดระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลให้ลูกที่เกิดมามีอารมณ์หงุดหงิดง่าย ทำให้เป็นพิษต่อเซลล์ประสาทและเซลล์สมองไม่ปกติ ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ นอกจากนี้ แม่ที่มีภาวะแทรกซ้อนอย่างเช่น ภาวะแท้งคุกคาม มีเลือดออก ครรภ์เป็นพิษ คลอดเด็กก่อนกำหนด หรือแม่ที่สูบบุหรี่ ดื่มเหล้านั้น มีผลต่อการพัฒนาสมองของทารกในครรภ์ทำให้เด็กเป็นโรคสมาธิสั้น และมีความสามารถในการควบคุมตนเองบกพร่อง
         อีกปัจจัยหนึ่งคือ เด็กบางคนป่วยเป็นโรคทางจิตเวช เช่น เป็นโรคที่มีผลต่ออารมณ์โดยตรงได้แก่
โรคซึมเศร้า โรคอารมณ์แปรปรวน (Bipolar disorder) ทำให้การควบคุมต่าง ๆ บกพร่อง ในกรณีอาการโรคซึมเศร้าเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ จะมีอาการหดหู่ท้อแท้ใจ ไม่มีความสุข อยากตาย แต่ถ้าโรคซึมเศร้าที่เกิดในวัยรุ่นจะมีอาการเหมือนเป็นคนขี้รำคาญ หงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี ใครพูดอะไรไม่ถูกใจก็จะโกรธง่าย ระเบิดอารมณ์ง่าย
          ฉะนั้น การเลี้ยงดูลูกตั้งแต่แรกเกิดของคุณพ่อคุณแม่จึงมีความสำคัญมาก คนทั่วไปมักคิดว่าเด็กเล็กไม่รู้เรื่องอะไร ไม่รู้ภาษาอะไร ยังไม่ต้องให้ความสำคัญในการเลี้ยงดู แต่แท้จริงแล้วเป็นความเข้าใจผิด เพราะในช่วงเวลาที่สำคัญของลูกคือ ตั้งแต่อายุ 1-3 ขวบแรกในชีวิต ลูกจะมีความต้องการความรักความอบอุ่น ความเอาใจใส่จากพ่อแม่มาก ซึ่งการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน ทำให้ลูกมีความผูกพันทางอารมณ์กับแม่ดีมาก มีอารมณ์ที่ผูกพันต่อกันมากขึ้น คุณแม่จึงควรมีสุขภาพจิตที่ดีและมีความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน จะทำให้ลูกมีความสามารถในการควบคุมตนเองได้ดี (Self-regulation)
           นอกจากนี้แล้ว ภาวะทางเศรษฐกิจและค่านิยมที่เปลี่ยนไป ทั้งพ่อและแม่ต่างออกไปทำงานนอกบ้าน และการทำงานนี้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของลูก ไม่ว่าทางด้านร่างกายหรือจิตใจ เมื่อพ่อแม่มีความกดดันมาก ความอ่อนโยนที่จะทำให้ลูกผูกพันก็น้อยลง ทำให้ความเครียดมีผลต่อการเกิดความวิตกกังวล คุณพ่อคุณแม่จึงต้องจัดสรรเวลาทำงานกับการดูแลลูกให้ดี สิ่งสำคัญอีกประการคือ ไม่ทำสิ่งที่ผิดศีลผิดธรรมให้ลูกเห็น
ส่วนวัยรุ่นเอง เป็นวัยที่เข้าใจยาก วัยรุ่นที่มีความรุนแรงส่วนใหญ่คิดว่าตนเองไม่มีอะไรดีพอ (Self Extreme) และเห็นคุณค่าในตนเองต่ำ พ่อแม่ไม่สามารถทำให้เด็กเห็นคุณค่าในตัวเองได้ เพราะไม่มีเวลาและตามใจลูก เวลาที่เด็กมีปัญหา จึงแสดงออกทางอารมณ์ได้ง่าย สิ่งที่สังคมมุ่งเน้นอีกประการหนึ่ง ได้แก่ ทางด้านการศึกษาที่เน้นการแข่งขันทางด้านการเรียนการสอน การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมากกว่าวัดผลสัมฤทธิ์ทางด้านการเป็นคนดี การสอนเด็กทางด้านการเสียสละ มีน้ำใจ จิตอาสา คุณธรรม และจริยธรรมก็มีน้อยมาก เพราะโรงเรียนไปวัดผลที่คะแนนเพียงอย่างเดียว เด็กจำนวนมากต้องเรียนกวดวิชา เด็กบางคนต้องเรียนทุกวันส่วนเด็กที่ได้รับการยอมรับจากครูและผู้ใหญ่คือเด็กที่เรียนดี เด็กที่เรียนไม่ดีคือเด็กที่ไม่ได้รับการยอมรับ สังคมไทยเป็นสังคมที่ต้องการการยอมรับ ถ้าเขาไม่ได้รับการยอมรับก็จะไปกับเด็กที่เกเร เพื่อนที่เกเรจะเปิดใจและยอมรับเขา ยิ่งเขาไปแข่งมอเตอร์ไซค์แว้นชนะมา หรือว่าชกต่อยกับใครชนะ เพื่อนจะบอกว่าเก่ง หรือใช้ยาเสพติดเพื่อนจะบอกว่าเจ๋งมาก ถ้าเป็นเด็กที่เรียนเก่งก็จะรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าที่เรียนเก่ง แต่เด็กที่เรียนไม่เก่งก็เอาแต่ดูทีวีเล่นเกมไม่ช่วยงานบ้าน และในขณะที่เด็กทำอะไรได้ดี พ่อแม่ก็ไม่ค่อยชม
         วัยรุ่นจึงเป็นวัยที่ต้องทำความเข้าใจให้มาก และคุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลเอาใจใส่อย่างพอเหมาะพอควร และต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาอย่างที่ทราบกันบนหน้าหนังสือพิมพ์ หรือในข่าวตามโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ เพียงแค่นี้ เราก็จะได้วัยรุ่นที่ดี เป็นบุคลากรคนสำคัญของประเทศ รวมทั้งได้ต้นแบบที่ดีในการพัฒนาพวกเขาในอนาคต.

รองศาสตราจารย์นายแพทย์ศิริไชย หงส์สงวนศรี
ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล


  View : 33.79K


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง


 วันนี้ 1,174
 เมื่อวาน 1,376
 สัปดาห์นี้ 7,197
 สัปดาห์ก่อน 6,556
 เดือนนี้ 23,838
 เดือนก่อน 57,053
 จำนวนผู้เข้าชม 873,006
  Your IP : 3.15.1.23