เผยแพร่โดย ฝ่ายสื่อสารองค์กร กลุ่มพัฒนายุทธศาสตร์
สสส.เผยเด็กไทยต้นทุนชีวิตต่ำ แนะต้องฉีดวัคซีนทางสังคมให้แก่เด็ก โดยใช้บันได
3 ขั้น ได้แก่ I am รู้จักตัวเอง I have มีเทคโนโลยี สภาพแวดล้อมที่เอื้อในการเรียนรู้ และI can สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง วันนี้ (11 มี.ค.) ที่โรงแรมเดอะสุโกศล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 2 "การพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนของไทย สู่ประชาคมอาเซียน" ซึ่งจะจัดวันที่ 21-22 มี.ค. ที่ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โดยนพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้เด็กไทยห่างไกลวิชาชีวิตมาก เมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน อย่างสิงคโปร์ เวียดนาม พบว่าภาพรวมต้นทุนเด็กไทยอยู่ในระดับปานกลาง แต่หากเปรียบเทียบภายในประเทศเห็นว่า ภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคกลาง รวมกรุงเทพมหานคร ต้นทุนของเด็กอยู่ในระดับแย่ ส่วนภาคใต้กับภาคอีสาน เด็กมีต้นทุนชีวิตอยู่ในระดับดี ดังนั้นการแก้ปัญหาเด็กไทยจะต้องได้เรียนรู้โจทย์ชีวิตไปทีละนิด ค่อยๆเติม และค่อยๆ แก้ปัญหา ในการประชุมครั้งนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ นักวิชาการและภาคีเครือข่ายด้านเด็กและเยาวชนในประเทศ รวมถึงกรณีศึกษาตัวอย่างดีๆ เพื่อร่วมกันไขรหัสสู่การเป็นสุดยอดของเด็ก นอกจากนี้เราต้องฉีดวัคซีนทางสังคมให้แก่เด็ก โดยใช้บันได 3 ขั้น ได้แก่ I am รู้จักตัวเอง I have มีเทคโนโลยี สภาพแวดล้อมที่เอื้อในการเรียนรู้ และI can สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง ซึ่งการจะทำให้ได้เด็กสุดยอดต้องให้เด็กได้เผชิญปัญหาอุปสรรค และความเครียดที่เหมาะสม หรือต้องให้เขาได้เจอวิชาชีวิต ด้านผศ.ดร.วิมลทิพย์ มุสิกพันธุ์ รองผอ.ฝ่ายวิชาการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงสถานการณ์เด็กไทยในปัจจุบันว่า ร่างกายเด็กที่มีอายุ 0-5 ปี มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ขณะเดียวกันก็มีปัญหาโรคอ้วนถึง 40% ด้านอารมณ์เด็กจำนวนมากเครียดจากการเรียน เป็นโรคซึมเศร้า เรียนแล้วนอนไม่หลับ ด้านสังคม เด็กมีปัญหาติดเกม ใช้เวลากับสื่อเทคโนโลยีมากจนไม่มีเวลาพูดคุยกับพ่อแม่ ยาเสพติดระบาดในสถานศึกษา ด้านสติปัญญา พบว่าเด็กไทย 6.5% บกพร่องด้านสติปัญญา และยังพบว่าเด็กไทยใน 38 จังหวัดมีระดับไอคิวที่น่าเป็นห่วงมาก.