อรวรรณ ดวงจันทร์
นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการพิเศษ
สำนักส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพจิต
ทุกวันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปีจะถูกกำหนดให้เป็น “วันแรงงานสากล” เพื่อให้ความสำคัญแก่ผู้ใช้แรงงานหรือคนวัยทำงาน สำหรับประเทศไทยก็เช่นกันไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบันคนในสังคมจะได้รับการเรียนรู้ว่าคนในวัยทำงานเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีความสำคัญของประเทศ เพราะคนวัยนี้เป็นผู้ที่มีพลังในการทำงานเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ตนเองและประเทศชาติ แต่คงไม่มีใครปฏิเสธว่า “คน” ไม่ใช่เครื่องจักรหรือหุ่นยนต์ที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก ดังนั้นย่อมมีบางขณะที่อาจมีบางสิ่งบางอย่างมากระทบใจจนทำให้หมดพลังชั่วคราว ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการทำงานลดลงและส่งผลต่อผลผลิตของหน่วยงานหรือสถานประกอบการที่ว่าจ้าง แต่ถ้าหน่วยงานหรือสถานประกอบการให้ความสำคัญของคนทำงานและส่งเสริมให้คนทำงานมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีใจที่เป็นสุขในการทำงานย่อมจะส่งผลดีทั้งต่อตัวคนทำงานเองและหน่วยงานหรือสถานประกอบการ ซึ่งมีงานวิจัย พบว่า พนักงานที่มีความสุขจะมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่าพวกที่ไม่มีความสุขร้อยละ 31
องค์การอนามัยโลกได้ให้คำนิยาม “ ความสุข” ว่าหมายถึง การที่คนมีสัมพันธภาพที่ดีต่อผู้อื่นและสามารถรักษาสัมพันธภาพนั้นให้ยั่งยืน มีการปรับตัวเข้ากับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงได้ และมีความภาคภูมิใจในชีวิต
แนวทางที่หน่วยงานหรือสถานประกอบการจะช่วยส่งเสริมให้ คนทำงาน“ กายใจเป็นสุข” ตามคำนิยามขององค์การอนามัยโลก คือ
1. ส่งเสริมและสนับสนุนให้คนทำงานมีสุขภาพกายที่แข็งแรง โดยจัดสรรเวลาให้คนทำงานได้ออกกำลังกายและมีสถานที่ให้ตามความเหมาะสม เช่น มีสถานที่ออกกำลังกาย มีสนามฟุตบอล สนามเปตอง พร้อมมีอุปกรณ์สนับสนุน เป็นต้น
2. ส่งเสริมให้คนทำงานมีสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกัน โดยเปิดโอกาสให้คนทำงานได้ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อสร้างความสนิทสนมและแสดงความมีน้ำใจต่อกัน เช่น เขียนการ์ดอวยพรวันเกิด จัดกิจกรรมสังสรรค์ประจำปี จัดทีมไปเยี่ยมเพื่อนที่เจ็บป่วย แข่งกีฬาสีระหว่างแผนก เป็นต้น
3. ส่งเสริมและสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายในการทำงาน เช่น เปิดเพลงเบาๆให้คนทำงานฟังขณะทำงาน มีการหมุนเวียนหน้าที่ในแผนกที่ก่อให้เกิดความเครียดได้ เช่น แผนกที่มีเสียงดังตลอดเวลา หรือเปลี่ยนหน้าที่ที่เหมาะสมให้กับพนักงานที่ตั้งครรภ์ เป็นต้น
4. ส่งเสริมให้คนทำงานเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง โดยให้รางวัลแก่คนทำงานดีหรือขยันทำงานให้เป็นผู้สอนงานแก่ผู้มาเยี่ยมชมหน่วยงาน สนับสนุนให้ร่วมกันทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แก่ชุมชนหรือสังคม
5. สำรวจความสุขของคนทำงาน โดยใช้แบบประเมินความสุขของกรมสุขภาพจิต อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อหน่วยงานหรือสถานประกอบการใช้เป็นข้อมูลในการส่งเสริมความสุขของคนทำงานต่อไป และขณะเดียวกันควรจัดให้มีบุคคลที่สามารถทำหน้าที่ให้การปรึกษาให้แก่พนักงานที่มีความสุขน้อย หรือมีความเครียด และสิ่งสำคัญควรให้ความสำคัญในการเก็บความลับเรื่องที่คนทำงานมาขอรับการปรึกษา หรือในกรณีที่คนทำงานมีความเครียดมากหรือมีความทุกข์ใจมากจนหน่วยงานไม่สามารถให้การปรึกษาได้เองควรให้คำแนะนำให้โทรศัพท์มาขอรับการปรึกษากับกรมสุขภาพจิตที่ 1323 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
--------------------------------------------
ปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตได้ที่ 1323