รวบรวมข้อมูลโดย ฝ่ายสื่อสารองค์กรและเทคโนโลยี
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การเล่นโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก มีทั้งคุณและโทษ โดยหากเล่นเฟซบุ๊กหรือไลน์มากจนเกินไปก็จะส่งผลให้เกิดการหมกมุ่น ลดความสนใจในเรื่องอื่นๆ เสียโอกาสในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น จากเดิมจะต้องสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ด้วยการพูดคุยและทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ก็ไม่ได้ทำ เพราะมัวแต่เล่นโซเชี่ยล ได้รับข้อมูลในปริมาณที่มากเกินไป ซึ่งอาจเป็นข้อมูลที่ไม่ได้ผ่านการคัดกรอง จนทำให้เครียดได้ ด้านสายตาเมื่อเพ่งกับหน้าจอนานเกินไปก็จะทำให้สายตาเมื่อยล้า หากเล่นโดยไม่เคลื่อนไหวร่างกาย นั่งในท่าเดิมนานๆ ทำให้เกิดภาวะน้ำหนักตัว เกินได้
พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า ปัญหาที่จะพบได้ในระยะยาวคือ เรื่องของสัมพันธภาพของคนรอบข้างที่จะเปลี่ยนไป รวมถึงเรื่องอารมณ์ โดยจากการศึกษาและการเก็บข้อมูลทั้งจากของต่างประเทศและประเทศไทยเอง พบว่าบางรายที่เล่นโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กเป็นเวลานานๆ จะมีปัญหา คือ อารมณ์ร้อน เนื่องจากใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีที่รวดเร็วมากเกินไป มีอารมณ์รุนแรงหงุดหงิดง่าย ไม่ชอบให้คนรอบข้างมาขัดขวางเวลาในการเล่น อยากใช้เวลาอยู่กับตัวเอง การเล่นโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กควรใช้เวลาเฉลี่ยแล้วไม่ควรนานเกินวันละ 3 ชั่วโมง ทางที่ดีควรเล่นครั้งละประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นก็ไปหากิจกรรมอื่นทำ เพื่อให้ร่างกายและสายตาได้พักผ่อน ช่วงแรกอาจจะยังไม่ชิน แต่พอทำบ่อยๆ ร่างกายก็จะเกิดความเคยชิน ไปเอง
"กลุ่มอายุที่จะต้องเฝ้าระวังและควบคุมเป็นพิเศษในการใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก คือ วัยเด็ก เนื่องจากเป็นกลุ่ม วัยที่ขาดวุฒิภาวะในการแยกแยะกับสิ่งที่พบเห็น ว่าอะไรดีหรือไม่ดี รวมถึงยังไม่มีความยับยั้งชั่งใจที่จะสามารถกำหนดเวลาในการใช้งานได้ ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครอง จึงควรที่จะต้องคอยควบคุม ดูแลและฝึกให้ลูกหลานใช้ โซเชี่ยลเน็ตเวิร์กในเวลาที่พอเหมาะสม" พญ.พรรณพิมลกล่าว
หนังสือพิมพ์ข่าวสด ปีที่ 26 ฉบับที่ 9281 ข่าวสดรายวัน
