รวบรวมข้อมูลโดย ฝ่ายสื่อสารองค์กรและเทคโนโลยี
แพทย์ เผย โรคไอพีดี ทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด ปอดบวม ชี้ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อปีละกว่า 1.6 ล้านคน แนะฉีดให้เด็กตั้งแต่ 2 เดือน พร้อมผลักดันเป็นวัคซีนขั้นพื้นฐานที่ทุกคนได้รับการฉีด
นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ ประธานมูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชนและอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส หรือ โรคไอพีดี เป็นโรคติดเชื้อชนิดรุนแรงและแพร่กระจาย ซึ่งผู้ที่ติดเชื้อชนิดนี้ จะทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด ปอดบวม เป็นต้น จากรายงานขององค์การอนามัยโลกระบุว่า การติดเชื้อโรคกลุ่มไอพีดีคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกเป็นจำนวนมาก ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อชนิดนี้ปีละกว่า 1.6 ล้านคน โดยมีเด็กทารกอยู่ถึง 1 ล้านคน นับว่าเป็นปัจจัยการเสียชีวิตสูงสุดของทารกแรกเกิด แต่ในปัจจุบันมีคนกว่า 18.7 ล้านคน ที่ไม่ได้เข้าถึงวัคซีนตัวนี้ ทั้งที่มันสามารถป้องกันได้ และที่ผ่านมามูลนิธิเองได้ให้ความสำคัญอย่างมากในการเพิ่มช่องทางการให้ความรู้และการเข้าถึงวัคซีนของประชาชน พร้อมผลักดันให้วัคซีนโรคไอพีดีนี้เข้าไปอยู่ในกลุ่มวัคซีนพื้นฐานของประเทศ
ด้าน รศ.พิเศษ นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการขอรับบริจาควัคซีนเพื่อนำไปมอบให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ ปีนี้ได้รับบริจาควัคซีน 5,000 โดส เชื่อว่าจะสามารถกระจายวัคซีนได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น สำหรับการรับวัคซีนนี้ วัคซีนทั้งหมดจะถูกกระจายไปตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะโรคพยาบาลศูนย์ต่างๆ แพทย์ที่ดูแลจะเป็นคนวินิจฉัยว่าควรได้รับวัคซีนตัวนี้หรือไม่ ซึ่งจะพิจารณาจากคนไข้กลุ่มที่สุ่มเสี่ยงมากที่สุด อาทิ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอย่างลูคีเมีย หรือโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับตับ ไต หัวใจ ปอด เป็นต้น และสามารถฉีดวัคซีนโรคไอพีดีนั้นได้ตั้งแต่อายุ 2 เดือน เพราะในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เสี่ยงสำหรับเด็กมากที่สุด
"ในทางปฏิบัติแล้ว การเข้าถึงวัคซีนชนิดนี้ค่อนข้างยาก เพราะในปัจจุบันวัคซีนตัวนี้ยังมีราคาค่อนข้างแพง อยู่ที่ 2,000-2,500 สำหรับโรงพยาบาลรัฐจะได้รับ 4,000 โดสขึ้นไป กลุ่มคนที่มีรายได้น้อยไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนตัวนี้ได้ ซึ่งกว่าจะผลักดันให้เป็นวัคซีนมาตรฐานฉีดให้กับเด็กทุกคนได้ก็ต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี สำหรับผู้ปกครองที่มีบุตร แนะนำว่าให้ฉีดตั้งแต่ 2 เดือน เพื่อป้องกันไปเลย อย่าปล่อยให้มีความเสี่ยงเกิดขึ้นกับลูกดีที่สุด" รศ.พิเศษ นพ.ทวี กล่าว
ไทยโพสต์