พิชิตใจ..ลูกวัยโจ๋

รวบรวมข้อมูลโดย ฝ่ายสื่อสารองค์กรและเทคโนโลยี

        ในการเลี้ยงดูลูกนั้น วิธีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติของเด็กแต่ละวัย เพราะเด็กแต่ละช่วงวัยมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกัน
 
        ช่องทางการสื่อสารพูดคุยระหว่างพ่อแม่กับลูกเปรียบเสมือนมีหน้าต่างบานหนึ่งอยู่ระหว่างพ่อแม่กับลูก ซึ่งหน้าต่างบานนี้จะค่อยๆปิดลงทีละน้อยทุกวัน ตอนลูกยังเล็กหน้าต่างการสื่อสารนี้จะเปิดกว้างมาก ลูกจะเปิดรับความคิดเห็นของพ่อแม่อย่างเต็มที่ รู้สึกมีค่าเมื่อได้รับคำชมจากพ่อแม่
          ในช่วงวัยอนุบาล วัยประถมฯ เวลาลูกมีความคิดเห็นอะไร เขาก็อยากให้พ่อแม่รับรู้สนใจเขาทุกเรื่อง แต่พ่อแม่จำนวนไม่น้อยกลับไม่ใช้โอกาสนี้สร้างสัมพันธ์ที่ดี เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเด็ก ส่วนใหญ่พ่อแม่มักจะมุ่งทำงาน สร้าง ฐานะให้ได้ก่อน มีเวลาให้กับลูกน้อย รู้เรื่องของลูกไม่มากนัก พอเข้าสู่วัยรุ่นหน้า ต่างความสัมพันธ์นี้ก็ปิดลงแทบจะสนิทหมดแล้ว เวลาที่เขาจะรับฟังสิ่งที่พ่อแม่อยากพูด อยากสอน ก็หมดลงไปด้วย เขาได้ไปเปิดหน้าต่างใหม่อีกบานระหว่างตัวเขากับเพื่อน
          หลักสำคัญที่พ่อแม่ต้องทำความเข้าใจและตระหนักคือ ต้องทำให้ลูกรู้สึกไว้ใจและมั่นใจว่าพ่อแม่รักเขาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ตอนที่หน้าต่างยังเปิดกว้างอยู่ ถ้าตอนเล็กพ่อแม่สามารถสร้างความไว้ใจกับลูกแล้ว พอเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น งานของพ่อแม่ก็จะไม่หนักมาก เวลาลูกถูกเพื่อนชักจูงไปในทางไม่ดีก็มีความกล้าที่จะปฏิเสธเพื่อนได้ เพราะเด็กมีความผูกพันและแคร์ความรู้สึกพ่อแม่ จึงไม่อยากทำให้พ่อแม่เสียใจหรือผิดหวัง
          การทำความเข้าใจธรรมชาติในแต่ละช่วงวัยของลูก จะทำให้พ่อแม่กำหนดวิธีการปฏิบัติกับลูกได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เพราะพ่อแม่ไม่สามารถใช้วิธีการเดียวกันดูแลเด็กต่างช่วงวัยได้ ตัวอย่างเช่น ไม่สามารถนำวิธีปฏิบัติกับเด็กตอนอายุ 4ขวบ มาใช้กับเด็กอายุ 16ปีได้ ซึ่งเมื่อเด็กเป็นวัยรุ่นแล้ว เขาต้องการเป็นตัวของตัวเอง ถ้าเด็กโตถูกปฏิบัติเหมือนเด็กเล็กเขาจะไม่พอใจ รู้สึกว่า "พ่อแม่ไม่ให้เกียรติฉัน ไม่ไว้ใจฉัน" ตรงรอยต่อช่วงที่ลูกกำลังจะเป็นผู้ใหญ่ตรงนี้จะเป็นช่วงที่ดูแลยากและไม่มีสูตรสำเร็จ เด็กแต่ละคนมีนิสัย มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ไม่ได้เริ่มต้นที่จุดเดียวกัน วิธีการรับมือก็จำเป็นต้องแตกต่างกันออกไป
วิธีการเบื้องต้นสำหรับพ่อแม่ในการเลี้ยงดูลูกก่อนที่หน้าต่างความสัมพันธ์จะปิดลง มีหลักกว้างๆ ดังนี้คือ
          1. เสริมสร้างให้เด็กมีความมั่นใจในคุณค่าของตนเองในระดับจิตใต้สำนึก เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนมีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิต สามารถเผชิญและรับมือกับปัญหาที่เข้ามาในชีวิตได้ สามารถมองตนเอง มองผู้อื่น และมองโลกในแง่ดีได้ พ่อแม่ต้องเตรียมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกให้แข็งแรงก่อนที่เขาจะเข้าสู่วัยรุ่น วัยที่ลูกสนใจจะฟังเพื่อนมากกว่าพ่อแม่แล้ว
          2. พ่อแม่ต้องทำให้เด็กรู้สึกว่ามีฉันอยู่ในบ้านนี้ ในบ้านนี้ฉันมีค่า วิธีการคือ มีเวลา แสดงความรัก ความห่วงใย ชื่นชมกัน ทำได้ทั้งทางคำพูดหรือภาษากาย น้ำเสียง สายตา ท่าทาง หลีกเลี่ยงการตำหนิที่รุนแรงหรือพร่ำเพรื่อเกินกว่าเหตุ ไม่ใช่เจอหน้ากันทีไรก็มีแต่เรื่องติด่าว่า จะทำให้เด็กรู้สึกแย่ ไม่อยากเข้าใกล้พ่อแม่ ไม่รู้ว่าวันนี้จะถูกด่าเรื่องอะไรอีก รู้สึกไม่มีคุณค่า ต่อไปโตขึ้นการจะทำเรื่องอะไรไม่ดีก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย เพราะรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะสูญเสีย ไม่มีอะไรดีอยู่แล้ว
          3. เสริมสร้างความภาคภูมิใจในเด็ก พ่อแม่ควรส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสสัมผัสกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี กีฬา ศิลปะ เลี้ยงสัตว์ ปลูกต้นไม้ งานช่าง ฯลฯ ให้มากที่สุด เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ว่าตนเองชอบอะไร ถนัดอะไร ทำอะไรได้ดี พ่อแม่จะได้ส่งเสริมสนับสนุนได้ถูกทาง เด็กจะรู้สึกภาคภูมิใจตนเองว่ามีความสามารถทำอะไรได้สำเร็จ ได้รับความชื่นชมจากพ่อแม่ เด็กจะมีความสุขและมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้
          ถ้าพ่อแม่เริ่มสื่อสารใกล้ชิด มีกิจกรรมร่วมกันเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ จะช่วยให้ลูกมีภูมิคุ้มกันที่ดี สามารถรับมือกับปัญหา และสามารถผ่านความเสี่ยง ในชีวิตต่างๆในช่วงวัยรุ่นไปได้อย่างราบรื่น โดยพ่อแม่ไม่ต้องเหนื่อยใจหรือทุกข์ใจมากนัก
 
 
      ที่มา : โลกวันนี้วันสุข โดย นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย


  View : 1.94K


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง


 วันนี้ 0
 เมื่อวาน 13
 สัปดาห์นี้ 62
 สัปดาห์ก่อน 97
 เดือนนี้ 345
 เดือนก่อน 536
 จำนวนผู้เข้าชม 476,781
  Your IP : 18.118.200.136