รวบรวมข้อมูลโดย ฝ่ายสื่อสารองค์กรและเทคโนโลยี
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีอาการโกหกตัวเอง ว่าโรคโกหกตัวเอง หรือโรคหลอกตัวเอง ทางการแพทย์ไม่มีชื่อโรคดังกล่าวระบุไว้ในสารบบ เพียงแต่เป็นภาวะของคนที่มีข้อจำกัดทางจิตใจ มีความคิดที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อตัวเอง และผู้อื่น
โรคนี้มีสองอย่างคือ คนที่มีจินตนาการถึงสิ่งนั้นสิ่งนี้ที่ตนเองปรารถนา แต่ยังรู้ถึงความเป็นจริงว่าตนเองเป็นใคร ความจริงคืออะไร อีกแบบคือ คนที่มีจินตนาการถึงสิ่งนั้นสิ่งนี้ โดยในขณะที่มีจินตนาการอยู่นั้นก็ลืมความจริงไปเลยว่า ตนเองเป็นใคร เป็นอย่างไร
พญ.อัมพรกล่าวว่า การจินตนาการถึงสิ่งที่ไม่เป็นจริงได้ ผู้คิดจะได้ประโยชน์ 3 ขั้น ขั้นแรกคือ การมีความสุขที่ได้จินตนาการในสิ่งที่ตนเองปรารถนา ตอบสนองสิ่งที่ตนเองคิด ขั้นที่ 2 คือ เมื่อโกหกตนเองและโกหกผู้อื่นด้วย ก็อาจจะทำให้ผู้อื่นยอมรับ ชื่นชมในสิ่งที่ตัวเองได้โกหกออกไป ขั้นที่ 3 คือ เมื่อโกหกตัวเอง โกหกคนอื่น อาจจะได้ประโยชน์จากสิ่งนั้น เช่น เมื่อโกหกแล้วมีชื่อเสียงเงินทองเพิ่มมากขึ้นมีคนให้ของให้เงิน ได้สิทธิประโยชน์จากสิ่งนั้น ซึ่งบุคคลจำพวกนี้หากเป็นอย่างสุดโต่ง โกหกแล้วลืมความเป็นจริงไปเลย อาจจะเป็นคนหลายบุคลิก ถือเป็นโรคทางจิตอย่างหนึ่ง เพราะไม่สามารถควบคุมความคิดให้ใช้ชีวิตอย่างปกติได้
คนที่มีอาการเช่นนี้อาจจะมีอาการซึมเศร้าร่วมด้วย ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด คนที่มีอาการพวกนี้มักจะไม่มาหาหมอ ไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่ผิดปกติ และไม่คิดว่าหมอจะต้องรักษาอะไร ทำให้สถิติของคนที่มีอาการเช่นนี้ ไม่แน่ชัด แต่คนที่มีอาการโกหกตัวเองจนทำผิดทางกฎหมายก็มีให้เห็นบ้างประปราย ถือว่าไม่ได้เป็นอาการที่อันตรายอะไร
"อาการพวกนี้จะเกิดจากการไม่พึงพอใจในตัวเอง ไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา วิธีที่จะช่วยเหลือหากพบว่าคนใกล้ชิดเรามีอาการเช่นนี้ก็คือ ยอมรับในตัวตนของคนคนนั้น เช่น เขาอาจจะไม่ใช่คนรวย แต่เป็นคนดี ก็ยกย่องในความดีนั้น"พญ.อัมพรกล่าว
วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559 ปีที่ 26 ฉบับที่ 9275 ข่าวสดรายวัน